โปรโมชั่น
Dec 2
หมวก Infidel Cap สุดเท่ห์ กลับมาอีกครั้ง!!
หลังจากแฟนๆ Safe House ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทำให้หมวกหลายสี ได้หมดลงอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ หมวก
Infidel Cap กลับมาครบทุกสี ทุกแบบ. Multicam พรางมัลติแคม, Charcoal เทา, OD Green เขียวมะกอก, Pink ชมพู, Black ดำ. มาให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ ที่ Safe House ครับ
DPx H.E.S.T/F ย่อมาจาก Hostile Environment Survival Tool/Folding Limited Edition
มีด DPx H.E.S.T Limited Edition เป็นมีดสะสมเล่มใหม่ล่าสุดจาก DPx Gear ผู้ผลิตเดียวกับ ESEE
สำนัก Survival ชื่อดังของอเมริกา จะมาทั้งทีก็ต้องส่งรุ่นพิเศษ Limited Edition ซึ่งมีเพียง 250 เล่ม ทั่วโลกเท่านั้น
สำหรับรุ่น DPx H.E.S.T Folding รุ่นปกตินั้น เราได้เคยนำเสนอไปแล้วพร้อมเรื่องราวของผู้ออกแบบมีด RYP หรือ Robert Young Pelton ช่างภาพนักผจญภัยอิสระ ซึ่งตะลุยในพื้นที่อันตรายต่างๆ มาแล้วทั่วโลก เช่น อินโดนิเซีย, แอฟริกากลาง, ลุ่มน้ำอเมซอน, ตะวันออกกลางฯ ซึ่งแต่ละที่ เขาก็มีวีรกรรมมากมาย ตั้งแต่โดนลักพาตัว ถูกไล่ยิง จับไปเรียกค่าไถ่ จนสามารถถอดประสบการณ์ มาเขียนเป็นหนังสือได้ทั้งเล่ม (สามารถติดตามเรื่องราว และบริจาคสนับสนุนการผจญภัยของเขาได้ ใน Comebackalive.com) และนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่า มีดของ RYP ได้จัดสิ่งทีจำเป็นทุกอย่างเพื่อรับมือในวันโลกาวินาศ ลงมาในมีดพับเพียงเล่มเดียวไว้หมดแล้ว
สำหรับความพิเศษของมีดพับ DPx H.E.S.T รุ่น Limited Edition นั้นย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ ตัวมีดนั้นถูกวางลงในกล่องอลูมิเนียมสีเงินสวยหรู ปั้มตรา DPx (Mr.DP คือเจ้าหัวกระโหลกหัวเราะร่า ซึ่งแกใช้เป็นเครื่องหมายการค้าครับ)
ภายในกล่องมีโฟมยางตัดเป็นรูปอุปกรณ์ข้างในไว้พอดี ซึ่งก็มีอุปกรณ์ต่างๆมาในกล่องดังนี้ครับ
- มีด DPx H.E.S.T/Folding 1 เล่ม
- อุปกรณ์กะโหลก Multitools 1 ชุด รูปแบบเฉพาะของรุ่น Limited
- หัวทุบกระจกสำรอง 1 แท่ง
- กล่องใส่ Multitools ซึ่งสามารถนำมาติดบน เข็มขัดนิรภัยในยานพาหนะได้
- ที่ลับมีด
- ใบ Certificate
- Survival Tip CARD
- สาย Lanyard กันมีดตก
จบจากของแถมแล้ว เรามาดูที่ตัวมีดกันบ้าง ตัวมีดนั้นทำมาจากเหล็ก D2 ซึ่งเป็นเหล็กเนื้อแกร่งพิเศษ นิยมใช้ทำเครื่องมือที่ต้องการความทนทานสูง จึงถูกเลือกมาใช้ในมีดชั้นดี ตัวล็อคเป็นเฟรมล็อค ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Lion Steel ผู้ผลิตมีดชื่อดังจากอิตาลี ซึ่งเคยฝากผลงานผลิตมีดให้ Spyderco ในรุ่น C99 Volpe Clipit ที่มีเอกลักษณ์ที่เฟรมล็อคที่มีความแข็งแกร่ง ยิ่งได้ Titanium Alloy มาเป็นเฟรมล็อค อีกฝั่งก็เป็นวัสดุ G10 เพื่อลดน้ำหนัก และนิยมใช้ในมีด Survival เพราะไม่ลื่นแม้เวลาเปียกน้ำ เรียกว่าคัดแต่สุดยอดวัตถุดิบ กันมาในราคาแบบที่หาไม่ได้อีกแล้วครับ ไม่เพียงแค่นั้น ตัวมีดในรุ่น Limited นี้ยังยิงเลเซอร์ที่ตัวมีด เป็นลาย Mr.DP เจ้าหัวกระโหลกสำราญมาบนใบมีด และด้าม G10 เพื่อสร้างเอกลักษณ์ ให้ดูเหมือนงานศิลป์มากกว่าจะเป็นมีด Survival ครับ
หลายคนอาจสงสัยว่า กะโหลก Multitools นั้นมันคืออะไร เจ้าหัวกะโหลกนี้ เป็นไทเทเนียมตัวเดียวกับ เฟรมของมีด มีรูปทรงเป็น Mr.DP ของเรานี่เอง ใช้งานได้หลากหลาย เช่น เปิดขวด ตัดเชือก ตัดสายนิรภัย ปลายคล้ายมีด ใช้ขูดแท่งจุดไฟ ช่องตรงตา มีไว้เพื่อไขมีด ถอดหัวทุบกระจก ปรับความฝืดของมีด ถอดคลิปบนมีด และใช้ป้องกันตัวแทนสนับมือได้อีกด้วย ในชุดจะมีตัวเก็บเจ้าหัวกะโหลกนี่ ให้ติดกับเข็มขัดนิรภัยในรถได้ครับ เผื่อใช้ฉุกเฉินยามเดินทาง
ย้ำอีกครั้งว่าทั้ง DPx H.E.S.T Folding Limited Edition และกะโหลก Multitools MR.DP นั้น ถูกผลิตออกมาเพียง 250 ชุดเท่านั้น โดยเปิดให้เพียง เฉพาะ Dealer เท่านั้นที่มีสิทธิประมูลมาจากเวปได้โดยตรง โดยที่ Safe House เป็นตัวแทนจำหน่ายของ ESEE แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น เราประมูลมาได้เพียง 5 ชุด! และหมายเลขที่จอง เราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
DPx H.E.S.T Folding Limited Edition จะเข้ามาให้ได้ชมกันในเดือนธันวา 53 นี้ แน่นอนว่าทาง Safe house จะจัดกิจกรรมให้กับแฟนๆมีด ESEE ในประเทศไทยเร็วๆนี้แน่นอน โปรดติดตามอย่างใกล้ชิด….
อากาศเย็นลง เป็นนิมิตรหมายถึงการเปลี่ยนฤดู และเข้าสู่ช่วงเดือนที่ดอกไม้ออกดอกสวยงาม การเตรียมความพร้อมของเรา ก็เห็นจะเป็นการเลือกเครื่องแต่งกาย เพื่อรับมือกับฤดูกาลที่เปลี่ยนไป วันนี้ผมมีผลิตภัณฑ์ให้ความอบอุ่นช่วงหน้าหนาว มาแนะนำกันครับ
ปลอกคอกันหนาว หรือ Thermal Neck Gaiter เป็นปลอกคอ หรือถุงคอ ที่ใช้เพื่อให้ความอบอุ่นและป้องกันแดด, ลม รวมถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะมันจะให้การปกป้องบริเวณต้นคอลงมาถึงช่วงยอดอก
Thermal Neck Gaiter ที่ผมแนะนำนี้เป็นของ Tru-Spec วัสดุที่ใช้มาจากผ้าฟลีซ (Fleece) ซึ่งผลิตมาจากเส้นใยไนลอนถักทอหรือผ้าวูล (Wool ) มีลักษณะคล้ายขนสัตว์ อ่อนนุ่ม สวมใส่สบาย และมีคุณสมบัติเป็นเหมือนฉนวนป้องกันความร้อน-เย็น จึงช่วยป้องกันความหนาวเย็น ที่เข้ามากระทบกับร่างกายได้เป็นอย่างดี
ความพิเศษตรงของ Tru-Spec Thermal Neck Gaiter อยู่ที่การใช้ผ้าฟลีซ ที่ผลิตขึ้นโดยผสานเข้ากับกับเทคโนโลยี ไมโครบาน (Microban) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ และเชื้อรา ทำให้ผู้ใช้หมดกังวล จากเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
ต่างจากไอ้โม่งไหมพรม ที่ใช้กันทั่วไป ทั้งขนาดและคุณสมบัติ เพราะไหมพรมนั้น ค่อนข้างจะเทอะทะ เส้นใยที่เป็นขุยหยาบ ใส่แล้วอาจจะคัน และยังดูดซับเหงื่อไว้ที่ตัวผ้า ทำให้สวมใส่ไม่สบายตัว และเกิดกลิ่นอับได้ง่าย ในขณะที่ผ้าฟลีซ ไม่หนา มีความยืดหยุ่นสูง ใส่แล้วไม่คัน แถมยังป้องกันแบคทีเรียได้อีกด้วย
ด้วยคุณสมบัตินี้เอง คุณสามารถใช้งาน Thermal Neck Gaiter ร่วมกับ Hood แบบต่างๆ โดยสวมทับจากด้านนอก เพื่อช่วยเพิ่มการป้องกันจมูก ปาก และลำคอ ได้ดียิ่งขึ้น
Tru-Spec Thermal Neck Gaiter มีให้เลือก 3 สี สีดำ, สีน้ำตาล, สีแทน ขนาดฟรีไซส์ Free Size และคุณสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ โดยจะดึงขึ้นด้านหลังศีรษะเพื่อคลุมผม หรือปิดเฉพาะช่วงคอ หรือคลุมจมูกและปิดหู ก็ทำได้ง่ายดาย
เท่านี้ก็ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และยังป้องกันฝุ่นและลม หรือใช้ร่วมกับชุดปฏิบัติการของหน่วยต่างๆ ก่อนจะสวมหมวกและอุปกรณ์อื่นๆ ได้สบายแล้วครับ
ยังมีอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นอีกมากมาย และแน่นอนเราจะนำเสนอข้อมูลของอุปกรณ์ให้ได้ทราบเพิ่มเติม อย่าลืมติดตามอ่านนะครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหาปลอกคอลักษณะนี้ เชิญทดลองและเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ Safe house ครับ
ในบทความที่แล้ว เราพูดถึงผ้าพันแผลผสมสารห้ามเลือด Combat Gauze ว่าเป็นอุปกรณ์ห้ามเลือดภาคสนามที่มีประสิทธิภาพสูง พิสูจน์แล้วทั้งในห้องปฏิบัติการณ์ และในสนามรบจริง โดยกองทัพสหรัฐฯได้จัดให้เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลประจำบุคคล ให้กับทหารราบใช้ประจำตัวในสนามรบ สำหรับกรณีการบาดเจ็บและเสียเลือดอย่างรุนแรง แล้วถ้ามันดีที่สุดจริงๆในการห้ามเลือด ทำไมเรายังเห็นทหารใช้ทูนิเก้กันอยู่ล่ะ?
จากประสบการณ์ในการรบของกองทัพสหรัฐที่โซมาเลีย ได้เปลี่ยนหลักคิดและการปฏิบัติ เรื่องการปฐมพยาบาลผู้ป่วยในสนามรบ โดยนำบทเรียนการรบชั่วระยะเวลาการปะทะแค่ 15 ชม. ที่ทำให้เสียกำลังพลไปถึง 19 นาย บาดเจ็บอีก 84 นาย ซึ่งในจำนวนนั้น เป็นหน่วยรบพิเศษจากชุด Delta force อีก 6 นาย มาเป็นการดูแลผู้ป่วยในสนามรบ (Tactical Combat Casualty Care – TCCC) โดยแบ่งขั้นตอนออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ
- การดูแลในระหว่างการปะทะ Care Under Fire
- การดูแลผู้บาดเจ็บก่อนนำส่้ง Tactical Field Care
- การเคลื่อนย้ายและนำส่งผู้บาดเจ็บ Tactical Evacuation (TacEvac / CasEvac / MedEvac)
เมื่อวิเคราะห์จากเหตุการณ์ในอดีต นักวิจัยพบว่าทั้ง 3 ขั้นตอนนั้น มีสถานการณ์และการรักษาผู้บาดเจ็บ ที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
ในหลักการรักษาของทีมกู้ชีพ (EMS) สิ่งแรกที่ต้องทำคือการทำให้แน่ใจว่า ที่เกิดเหตุนั้นปลอดภัยแล้ว ก่อนการเข้าช่วยเหลือที่บาดเจ็บ แต่ในการรบนั้น เราไม่มีทางเลือก การรักษาจำเป็นต้องเกิดขึ้นแม้ขณะที่เกิดการยิงปะทะกันอยู่ เพราะไม่สามารถรอได้ ดังนั้นการรักษาพยาบาลในแบบปกติของทีมกู้ชีพ หรือในโรงพยาบาล จึงไม่สามารถทำได้เลยในสนามรบ เพราะหากใช้หลักการเดียวกัน ผู้ที่บาดเจ็บอาจจะถูกยิงซ้ำ หรือโชคร้ายก็เป็นทีมแพทย์เอง ที่อาจได้รับบาดเจ็บอีกด้วย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในโซมาเลีย เพราะแพทย์สนามที่จบการรักษาแบบเดียวกับที่สอนในทีมกู้ชีพ (EMS) นั้นถูกยิงตาย ในขณะที่กำลังช่วยเหลือเพื่อนทหารของเขาอยู่
แล้วอุปกรณ์ห้ามเลือดมีความสำคัญอย่างไร? นักวิจัยพบว่า วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาชีวิตทหารในสภาวการณ์รบ คือ การยิงฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นสภาพเสียก่อน ยิ่งจัดการฝ่ายตรงข้ามได้เร็วเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งมีโอกาสรอดมากขึ้นเท่านั้น ทหารที่ถูกยิงจำต้องใช้ทูนิเก้รัดห้ามเลือด หรือชะลอการเสียเลือดให้ได้มากที่สุดก่อน เพื่อทำให้เขากลับมาทำการตอบโต้ด้วยอาวุธของเขาได้ เพราะหากต้องใช้แพทย์สนามในทีม 1 คน มารักษาคนที่ถูกยิง นั่นหมายความว่า เราเสียกำลังในการยิงไปถึง 2 นาย หากต้องใช้เวลา 5 นาที ในการที่แพทย์สนามต้องกดหยุดเลือดด้วยผ้าพันแผลผสมสารห้ามเลือด นั้นหมายความว่า ในระหว่าง 5 นาทีนั้น ทหารสองคนนั้นไม่สามารถทำการตอบโต้ได้ ซึ่งมันเป็นการเสี่ยงเกินไป ในสนามรบที่อาจเกิดการสูญเสียเพิ่มเติม เพราะอำนาจการยิงที่ไม่เพียงพอ
ในปัจจุบัน มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิธีปฏิบัติ ในการดูแลผู้บาดเจ็บในสนามรบ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์ทางทหารอยู่ 2 ประเภท คือ 1. ปืนไรเฟิลประจำตัวทหาร เพราะหน้าที่หลักของทหาร คือการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามให้หมดในเวลาที่จำกัด 2.สายรัดห้ามเลือด (ทูนิเก้) เพราะเมื่อหลังจากเราถูกยิงเข้าแล้ว ทหารทุกนายจำเป็นต้องรักษาอาการเสียเลือด จากบาดแผลของตนเองให้เร็วที่สุด ซึ่งอุปกรณ์ที่เร็วที่สุดในการใช้งาน ก็คือ ทูนิเก้ เมื่อรัดแล้วเลือดจะแทบหยุดในทันที แล้วกลับไปยิงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามต่อ จนกว่าจะหมดภัยคุกคาม และเมื่อทุกอย่างปลอดภัยแล้ว แพทย์สนามจึงจะเข้ามาจัดการ รักษาบาดแผลและนำส่งต่อไป เมื่อการปะทะจบลง การรักษาทางยุทธวิธี จึงจะเริ่มขึ้น
การดูแลผู้บาดเจ็บในสนามรบในขั้นนี้นั้น อาจจะดูเหมือนที่ EMS ทำ แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ โดยมุ่งการรักษาไปที่บาดแผล ที่สามารถทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิต มากกว่าจะเป็นขั้นตอนที่ใช้กันในการรักษาพยาบาลในสภาวะปกติ เพราะเจ้าหน้าที่แพทย์สนาม มีหน้าที่แบกปืนสู้กับข้าศึก และรักษาพยาบาลในเวลาเดียวกัน ต้องทำงานแข่งกับเวลา ในทุกๆนาทีที่เสียไปหมายถึง เปอร์เซ็นต์การรอดตายของผู้บาดเจ็บที่ต่ำลง และความเสี่ยงต่อการถูกข้าศึกโจมตีซ้ำอีก ซึ่งหมายถึงการละทิ้งคนเจ็บกลับไปต่อสู้อีกครั้ง
เราจะพูดถึงเรื่องของ TCCC อีกครั้ง ในตอนหน้าครับ ติดตามอ่านต่อนะครับ ในหัวข้อ “สิ่งที่ต้องทำในกระบวนการ TCCC”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Safe house.
เราได้พูดถึงความสำคัญของการใช้สายรัดห้ามเลือดหรือทูนิเก้ และบทเรียนอันแสนแพงของกองทัพสหรัฐฯ ต่อพัฒนาการของทูนิเก้กันมาแล้ว ตอนนี้ปัญหาก็คือ แม้ว่าเรามีทูนิเก้ที่มีประสิทธิภาพและเรียนรู้ที่จะใช้มันแล้ว แต่หากสายรัดห้ามเลือดช่วยได้เพียง ชะลอการไหลของเลือดจากหัวใจไปยังบริเวณบาดแผล แต่หากเลือดยังคงไม่หยุดไหล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอในการบาดเจ็บจากพื้นที่การรบ แล้วเราจะทำอย่างไร
ความยากในการห้ามเลือดจากเส้นเลือดแดง (Arterial) ซึ่งมีแรงดันสูงจากหัวใจโดยตรง มันมีสีแดงสดเพราะอุดมด้วยอ็อกซิเจน เพื่อไปหล่อเลี้ยงเซลส์ และมันไหลแรงเป็นจังหวะตามการเต้นของหัวใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะบังคับให้มันหยุดสนิทได้ และถ้าเหตุการเช่นนี้เกิดขึ้น ก็หมายความว่า แม้ว่าความแรงดันเลือดจากบาดแผลจะน้อยลง แต่ผู้บาดเจ็บยังคงเสียเลือดอย่างต่อเนื่องต่อไปอย่างช้าๆ
แรงกดจากทูนิเก้นั้น ทำงานโดยอาศัยแนวคิดว่า ยิ่งแถบที่กดลงนั้นกว้างมากเท่าไหร่ แรงกดที่กระทำต่อเส้นเลือดก็ยิ่งลดลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นอีกสาเหตุว่า ทำไมสายยางกลมๆเส้นเล็กๆ ถึงไม่สามารถหยุดเลือดที่ไหลจากเส้นเลือดใหญ่ได้ วิธีง่ายๆที่ใช้กันในกรณีที่ทูนิเก้อันแรกไม่ได้ผล ก็คือการใช้ทูนิเก้อันที่สองลงไปเหนืออันแรก เพื่อช่วยเพิ่มความกว้างของทูนิเก้ ซึ่งทำให้ได้แรงกดที่เพิ่มมากขึ้น เลือดก็จะหยุดง่ายขึ้น
จากเหตุผลและความเสี่ยงที่เลือกอาจไม่หยุดสนิทในคราวเดียวนี่เอง ทำให้กองทัพบกสหรัฐฯแนะนำให้ทหาร มีทูนิเก้อยู่ในชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลประจำบุคคล คนละ 2 อัน เพื่อใช้ในสถานการณ์เลวร้ายที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณขา (Femoral) ถูกตัดขาด ซึ่งเส้นเลือดที่มีขนาดราวๆนิ้วของเรานั้น หากจะหยุดเลือดให้ได้ผลเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากแรงดันที่สูงและกล้ามเนื้อต้นขา ก็เป็นจุดที่ต้องใช้แรงกดมาก หรือในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลฉกรรณ์ มากกว่าหนึ่งจุด อาจต้องใช้ทูนิเก้มากกว่าหนึ่งอันร่วมด้วย เรียกได้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะหากแก้ไม่ทัน นั่นหมายถึงชีวิตของทหารที่เราต้องเสียไปเพราะไม่ได้เตรียมการ
คิดต่อไปอีกว่า บาดแผลจากการรบอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกาย ซึ่งบาดแผลนั้นๆอาจจะไม่สามารถใช้สายรัดห้ามเลือดหรือทูนิเก้ได้ เช่น บาดแผลบริเวณลำตัว, บริเวณหัวไหล่, โคนขา หรือ บริเวณศรีษะ แล้วจะทำอย่างไร กองทัพสหรัฐได้เริ่มประสบปัญหากับบาดแผลเหล่านี้ เมื่อครั้งปฏิบัติการณ์ โกธิค เซอร์เพ็นท์ ที่ประเทศโซมาเลีย ในปี 1993 (Gothic Serpent,Somalia 1993) เรื่องราวดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดในภาพยนต์เรื่อง “Black Hawk Down” ในฉากที่ทหารหน่วยจู่โจมรายหนึ่ง บาดเจ็บจากกระสุนปืนของฝ่ายตรงข้าม กระสุนนั้นตัดทำลายเส้นเลือดใหญ่บริเวณต้นขาสูงขึ้นไปทางเชิงกราน ในกรณีนี้ทูนิเก้ไม่สามารถใช้งานได้เลย แพทย์สนามในภาพยนตร์ได้พยายามใช้แคลมหนีบเส้นเลือดจากต้นขา (Femoral) ของผู้บาดเจ็บ ซึ่งต้องควงเข้าไปในเนื้อขา เพื่อหาเส้นเลือดให้เจอ ในความจริงผู้ทำการห้ามเลือดให้ผู้บาดเจ็บ คือเสนารักษ์ของหน่วยรบพิเศษ 18D ซึ่งการทำเช่นนี้ในชีวิตจริงได้ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางการแพทย์ ที่มีอุปกรณ์และได้รับการฝึกมาอย่างชำนาญ แต่ทหารข้างกายผู้บาดเจ็บเกือบ 100% ที่อาจจะต้องช่วยชีวิตเพื่อนร่วมรบ หรือแม้กระทั่งหัวหน้าหน่วยของเขาเอง มักจะไม่มีทั้งความรู้ทางการแพทย์และเครื่องมือแบบในหนัง แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้บาดเจ็บต้องช็อคตายไปต่อหน้าต่อตา…
ในกรณีเช่นนี้ สารห้ามเลือด Hemostatic Agents หรือสะกด Haemostatic Agent นั้น ถูกนำมาใช้เพื่อเร่งกระบวนการการแข็งตัวของเลือด ในบริเวณที่ไม่สามารถใช้สายรัดห้ามเลือดหรือทูนิเก้ได้ หรือกรณีที่การกดลงบนบาดแผลใช้ไม่ได้ผล สารห้ามเลือดยุคใหม่ที่ถูกนำมาใช้และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ QuickClot ซึ่งเป็นทั้งชื่อยี่ห้อและชื่อสินค้าในคราวเดียวกัน
QuickClot ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 1984 หลังจากนั้น ได้มีการออกแบบสารช่วยห้ามเลือดอื่นๆตามมาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ Hemcon, Celox, WoundStat ฯ และก็เหมือนกับกรณีสายรัดห้ามเลือดเช่นกัน ที่ได้มีการทดลองทดสอบมากมายเพื่อหาว่า สารห้ามเลือดตัวใดจะเหมาะสมที่สุดในการใช้ปฐมพยาบาลในพื้นที่การรบ สำหรับ QuickClot รุ่นเก่านั้น มีปัญหาคือ มันเป็นสารออกฤทธ์ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งส่งผลข้างเคียงคือการไหม้ของเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผล เกิดจากปฏิกริยาของสารห้ามเลือดกับของเหลวที่สัมผัส
ส่วนการศึกษาพบว่าสารห้ามเลือดที่มีสารตั้งต้นเป็นไคโตซาน อย่าง Hemcon, Chitoflex และ Celox รวมถึง Seashell ของโรงงานเภสัชกรรมทหารของบ้านเรานั้น ให้ผลการห้ามเลือดที่ดีมาก แต่ทว่าิ สารไคโตซาน ซึ่งผลิตจากเปลือกหอย,กุ้ง,ปูนั้น ก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงในผู้บาดเจ็บบางราย ที่มีอาการแพ้อาหารทะเล ส่วน WoundStat นั้น ห้ามเลือดได้ดีเกินไป จนเกิดผลข้างเคียงให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
ในปัจจุบันสารห้ามเลือด หรือ Hemostatic Agent ที่ดีที่สุดในสนามรบก็คือ QuickClot Combat Gauze ซึ่งถูกพัฒนาต่อมาจาก QuickClot เดิม โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแสบร้อน หรือรอยไหม้ของเนื้อเยื่อบนบาดแผลอีกแล้ว เนื่องจากการใช้สารห้ามเลือด จะต้องใช้ร่วมกับการใช้ผ้าก็อซกดลงบนบาดแผลอยู่แล้ว และสำหรับ QuickClot Combat Gauze ได้รวมเอาสารห้ามเลือดเคลือบอยู่บนผ้าก๊อซพันแผล ไม่ใช่แบบผงเหมือนเก่า จึงใช้งานได้ง่ายกว่าสารห้ามเลือดแบบอื่นๆ ที่ต้องเทลงบนแผล
Combat Gauze นั้นเป็นผ้าพันแผลในตัว จึงช่วยลดขั้นตอนต่างๆ และใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วกว่า การใช้งานก็ง่ายเช่นเดียวกับการใช้ผ้าก็อซ จึงทำให้ QuickClot Combat Gauze เป็นสารห้ามเลือดเพียงชนิดเดียว ที่ได้รับการแนะนำจาก คณะกรรมาธิการแพทย์ฉุกเฉินทางยุทธวิธีแห่งสหรัฐอเมริกา (COTCCC) และเป็นสารห้ามเลือดชนิดเดียวในปัจจุบัน ที่กองทัพบกสหรัฐฯอนุมัติให้ใช้ในการรักษาทหารที่บาดเจ็บในการรบ เพราะใช้งานได้ง่าย เพียงฉีกซองแล้วกดลงบนแผลเพียง 5 นาทีหรือจนกว่าเลือดจะหยุดไหล ซึ่งจากการทดสอบนั้น Combat Gauze มีประสิทธิภาพสูงในการห้ามเลือด โดยสามารถหยุดการเสียเลือดรุนแรง จากการตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ขา Femoral ซึ่งเป็นจุดที่ใช้อุปกรณ์อื่นๆแทบไม่ได้เลยในงานภาคสนาม
วิวัฒนาการในการรักษาผู้บาดเจ็บจากการรบ ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ แม้ว่าปัจจุบันการแพทย์เชิงยุทธวิธีจะรุดหน้าไปมากแล้ว แต่การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในสนามรบ ก็ยังมีเรื่องใหม่ๆมาให้ศึกษา และพัฒนาอุปกรณ์ช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ให้ก้าวทันต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากอาวุธและสงครามอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าสารห้ามเลือดมีราคาสูง แต่หากต้องใช้งาน นั้นหมายถึง การให้โอกาสรอดของชีวิตคนหนึ่งคน ที่กำลังอยู่ในภาวะเป็นตายเท่ากัน
ทีมงานและผู้เชี่ยวชาญของเรา มีประสบการณ์จัดอบรมการช่วยชีวิตในสภาวการณ์รบ ให้กับหลายหน่วยงานในประเทศไทย ติดต่อสอบถาม โดยส่งรายละเอียดผู้ติดต่อและหน่วยงาน มาได้ที่ Safe house ยินดีให้คำปรึกษาครับ