fbpx

ขวดกรองน้ำพร้อมดื่ม Aquamira พร้อมฟิวเตอร์

ผมขอแนะนำ Aquamira Water Bottle และตัวกรอง Filter ซึ่งเป็นขวดน้ำพร้อมไส้กรองชนิด Microbiological Filter ที่สามารถกรองเอาโปรโตซัวประเภท Giardia, Cryptosporidium ได้ถึง 99.9 % พร้อมกันนั้น ยังมีถ่านคาร์บอนช่วยในการกรองกลิ่น และปรับปรุงรสชาติของน้ำอีกด้วย และยังสามารถกรองน้ำได้กว่า 380 ลิตรต่อ Filter 1 ตัว ซึ่งเฉลี่ยถ้าเราดื่มน้ำวันละ 8 ลิตรต่อวัน ก็มากพอสำหรับพกพาประจำตัวครับ

นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี Miraguard ที่สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเเบคทีเรียและเชื้อรา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ผ่านการกรองจากขวดและไส้กรองของ Aquamira Water Bottle จะมีความปลอดภัยสูง สามารถดื่มได้อย่างมั่นใจในทุกการเดินทางครับ ผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย และลุยไปกับคุณได้ทุกที่แบบนี้ มีจำหน่ายแล้วที่ Safe House ครับ

Tags: , , , ,

In Stock! สุดยอดชุดแต่งลูกซอง MESA TACTICAL

พบกับชุดแต่งคุณภาพระดับโลก จากผู้ผลิตชุดแต่งปืนลูกซอง Mesa Tactical สำหรับ Remington 870/1100/11-87, Mossberg 500/590, Benelli M1/M2/Supernova

  • Mesa Tactical Sureshell Carrier 6 Shell for Rem 870
  • Mesa Tactical SureShell Carrier  SOPMOD 6 Shell for Rem 870
  • Mesa Tactical SureShell Carrier  6 Shell  for Benelli M1/M2
  • Mesa Tactical Full Saddle Rail
  • Mesa Tactical Remington Side-Mount Rail
  • Mesa Tactical Ambi Sling Loop for Rem 870 Stock
  • Mesa Tactical Barrel Clamp
  • Mesa Tactical Saddle Rail Receiver Length
  • Mesa Tactical Stock Multi-Tool

สอบถามข้อมูล และเป็นเจ้าของ Mesa Tactical ในราคาและคุณภาพ จากตัวแทนจำหน่ายได้แล้ววันนี้ ที่ Safe House ครับ

Tags: , , , , , , , , ,

พิสูจน์แรงไฟ Windmill Delta lighter

หลังจากที่ผมได้เคยแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Windmill Delta lighter ไฟแช็คท้าฝน ทนลม ที่มีพลังสูง จุดติดง่าย ไม่ดับเพราะแรงลมกันไปแล้ว คราวนี้ผมจะทดลองใช้เจ้าไฟแช็คพลังสูงตัวนี้ เพื่อแนะนำให้เห็นภาพกันชัดๆครับ

ครั้งแรกที่ได้ลองจับเจ้าไฟแช็คจอมทรหดตัวนี้ ต้องบอกว่ารู้สึกได้เลยครับถึงความแข็งแรง และทนทานของตัวไฟแช็ค เพราะโครงสร้างของมันทำจากพลาสติกกันกระแทกอย่างดี  มีการซีลขอบไว้สำหรับป้องกันน้ำเข้าในทุกจุด น้ำหนักเบา มีจุดสำหรับเติมแก๊สด้านล่างของตัวไฟแช็ค ส่วนด้านในตัวไฟแช็คบริเวณที่ต้องสัมผัสกับความร้อน จะถูกบุไว้ด้วยเซรามิกทนไฟ เพื่อป้องกันความร้อนที่เกิดจากเปลวไฟในขณะที่คุณจุดไฟ

ขณะจุดไฟ

ระบบจุดไฟ ของ Windmill Delta lighter  เป็นแบบเพียโซอิเล็กทริกส์ (piezoelectric material) ซึ่งไม่ใช่ถ่านไฟแช็ค เหมือนกับไฟแช็คทั่วๆไปตามท้องตลาด โดยใช้เชื้อเพลิง คือ แก๊สบิวเทน (butane) ซึ่งสาเหตุที่เลือกใช้แก๊สบิวเทนเป็นเชื้อเพลิง ก็เนื่องจากสามารถหาได้ง่าย และราคาไม่แพง รวมทั้งเมื่อเผาไหม้แล้ว นอกจากจะให้ความร้อนสูง มันยังไม่ทิ้งคราบเขม่าเหลือให้รำคาญอีกด้วย

ในการทดสอบครั้งนี้ผมใช้แก๊สเติมไฟแช็คยี้ห้อ  S White ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วๆไป ราคาไม่กี่สิบบาทครับ

ขณะนำลงไปแช่ในน้ำ

ทีนี้ผมจะลองเอามาจุดไฟขณะที่เปียกน้ำดูครับว่า จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน โดยการเอามาจุ่มลงไปในน้ำซักพัก แล้วเอาขึ้นมาลองจุดไฟดูครับ ปรากฏว่าสามารถจุดติดได้โดยไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าจะให้ดีเมื่อเอาขึ้นจากน้ำแล้วถ้ายังไม่ได้ใช้งานในทันที ก็ควรจะเช็ดให้แห้งดีกว่าครับ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของไฟแช็ค

ต่อไปผมจะลองจุดไฟในขณะที่ลมแรงมากๆครับว่า จะสามารถจุดได้หรือไม่ โดยทางผู้ผลิตบอกว่าสามารถจุดได้แม้ในขณะความเร็วลมสูง 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว แต่เนื่องจากผมคงไม่สามารถหาสถาณการณ์ที่มีความเร็วลมขนาดนั้นได้ ในการทดสอบก็เลยใช้วิธีการจำลองสถานการณ์ โดยการเอาพัดลมตั้งโต๊ะมาเปิดแทนครับ โดยผมเปิดพัดลมไปที่เบอร์ 3 ซึ่งเป็นเบอร์แรงสุด แล้วเอา Windmill Delta lighter มาจุดลองดูด้านหน้าพัดลม ซึ่งหลังจากลองจุดดูก็พบว่า สามารถจุดติดได้ครับ แม้ว่าจะมีลมแรงพัดใส่อยู่ก็ตาม ซึ่งไฟแช็คตามท้องตลาดที่เราเห็น (แบบที่ราคาไม่เิกิน 50 บาท) ไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่นอน เปลวไฟของไฟแช็ค สามารถต้านทานแรงลมได้ดีทีเดียวครับ ทำให้ผมมั่นใจว่าเพียงพอที่จะใช้จุดไฟ ในสถานการณ์ที่ลมพัดแรงมากๆได้

ทดลองจุดไฟขณะมีลมแรง

มาถึงขั้นตอนของการเติมแก๊สบิวเทน (butane) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของ Windmill Delta lighter ครับ ในการเติมแก๊สเราจะมีวิธีการดังนี้ครับ

1.ในการบรรจุแก๊ส ควรทำในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก อยู่หางจากแหล่งความร้อน, เปลวไฟ หรือประกายไฟ และควรอ่านข้อบ่งใช้บนกระป๋องแก๊สให้ละเอียดก่อนใช้งาน

การเติมแก๊ส

2.ในขณะที่เติมแก๊ส ให้ปิดฝาครอบไฟแช็คไว้ เพื่อป้องกันการจุดไฟโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วทำการปรับตัวควบคุมความแรงของไฟ( Flame level adjustment) ให้เป็นลบ(-) โดยตัวควบคุมนี้จะอยู่บริเวณช่องสำหรับเติมแก๊ส มีลักษณะคล้ายๆโอริงสีดำ สังเกตุดูจะมีเครื่องหมาย (+)และ(-) อยู่ด้วยครับ

3.นำกระป๋องแก๊สมาเสียบเข้ากับช่องสำหรับเติมแก๊ส ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านล่างของตัวไฟแช็ค ให้คว่ำไฟแช็คลง ให้จุดที่ใช้เติมแก๊สอยู่ด้านบน กดกระป๋องแก๊สค้างไว้ 4-5 วินาที ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าแก๊สจะเต็ม โดยสังเกตุจากฟองอากาศครับ ฟองอากาศจะหมดไปเมื่อเติมแก๊สเต็มแล้ว

4.หลังจากเติมแก๊สเสร็จแล้ว ให้รอประมาณ 1-2 นาที ปรับตัวควบคุมไปทางเครื่องหมายบวก(+) แล้วจึงนำไปใช้งานได้ครับ

หลังจากที่ได้ทำการทดสอบ Windmill Delta lighter ในรูปแบบต่างๆแล้ว ผมสามารถบอกได้ว่า เจ้าไฟแช็คจอมอึดตัวนี้ สามารถใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์จริงๆ ไม่ว่าจะลมแรง, เปียกน้ำ ก็ยังสามารถจุดติดได้ โดยไม่มีอาการรวนหรือติดขัดแต่อย่างใด

ทำให้ผมมั่นใจได้ว่า หากเมื่อไหร่ที่ท่านต้องการอุปกรณ์ในการจุดไฟ ที่เชื่อถือได้และไม่บอบบาง Windmill Delta lighter จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกของผมเลยครับ อย่าเพิ่งเชื่อผมแนะนำให้พิสูจน์ตัวจริงของ Windmill Delta lighter ด้วยตัวคุณเอง ที่  Safe House ครับ

Tags: , ,

Now In Stock: Gerber Shard พรายบาร์จิ๋ว

เจ้าพรายบาร์จิ๋ว รุ่น Shard (ชาร์ด)จาก Gerber นี้ เป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่มากด้วยความสามารถ เหมาะสำหรับพกพาติดตัว หรือห้อยไว้กับพวงกุญแจรถได้เลยครับ มันมีน้ำหนักเบามาก แต่แข็งแรงเพราะทำจากสแตนเลส เคลือบไทเทเนียม จึงไม่ขึ้นสนิม สามารถใช้งานต่างๆได้หลากหลาย ตั้งแต่ งัดกล่องไม้, ถอนตะปู, เปิดขวด เปิดกระป๋อง, ขูดสนิม และยังมีไขควงปากแฉกเล็กๆอยู่ตรงปลาย  Gerber ชาร์ด นับเป็นอุปกรณ์ดีๆ ราคาไม่แพงที่เราแนะนำ มีจำหน่ายแล้วที่ Safe House ครับ

คุณลักษณะ :

  • ความยาว : 2.75 นิ้ว
  • วัสดุที่ใช้ผลิต : stainless steel
  • น้ำหนัก : 17 กรัม
  • เคลือบด้วย ไทเทเนียม สีดำ

Tags: ,

ทำไมต้อง 1095 High Carbon

มนุษย์เริ่มเรียนรู้การใช้เหล็ก มาทำเป็นเครื่องมือครั้งแรกราวๆ 600 ปีก่อนพุทธศักราช ในดินแดนแถบเอเชี่ยนไมเนอร์ และแพร่หลายไปสู่ยุโรปจนถึงปัจจุบัน ความก้าวหน้าของโลหะวิทยา ทำให้มนุษย์รู้จักการนำเหล็กและแร่ธาตุต่างๆมาผสมกัน เพื่อให้ตอบสนองกับจุดประสงค์นั้นๆ เช่นในแง่มุมของทางทหาร คือการพัฒนาโลหะอย่างไร ให้มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง และทนทาน ใช้งานได้ทนทุกสภาพอากาศ

ในเรื่องของการเลือกเหล็กมาผลิตมีดก็เช่นกัน ผู้ผลิตและนักออกแบบจะต้องเลือกว่า จะนำเหล็กชนิดไหนมาผลิตมีดให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของมีดรุ่นนั้นๆ เช่นมีดในเชิงต่อสู้ จะต้องออกแบบมาให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษามากนัก แต่ควรต้องมีความคมอยู่เสมอ ดังนั้นเหล็กสำหรับมีดต่อสู้ จะต้องเป็นเหล็กที่แข็ง มีการรักษาคมได้ดี ทนทานต่อสนิม อย่างเช่นเหล็ก S30V ,D2 ,154CM, 440c, F8, ATS4034 ฯลฯ

แต่เหล็กเหล่านี้ ก็ยังมีข้อเสียอยู่ที่ว่า เหล็กประเภทนี้ลับให้คมได้ยาก และมีราคาแพง ซึ่งต่างจากการเลือกเหล็กมาผลิต ในมีดประเภทใช้ในการเดินป่า หรือประเภท Survival ซึ่งมีดประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเืพื่อใช้งานหนักโดยเฉพาะ เช่น ถาก, ถาง, สับ, ตัด ฯ  ดังนั้ันเหล็กที่นำมาใช้งานกับมีดประเภทนี้ จะต้องมีคุณสมบัติที่มีความแข็งสูง รักษาคมได้ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถ ลับให้คมได้ง่ายด้วยเช่นกัน และเหล็กที่มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน ก็คือเหล็ก 1095 High Carbon เหล็กกล้าคาร์บอนสูงยอดนิยมสำหรับมีดนั่นเองครับ

เหล็ก 1095 High Carbon ขยาย 20 μm

เหล็ก 1095 High Carbon จัดเป็นเหล็กกล้า ที่นิยมมาทำเครื่องมือครับ โดยหมายเลข 1095 นั้นมีความหมายที่ว่า เลขชุดหน้า 10xx หมายถึงเป็นเหล็กกล้าคาร์บอน ถ้าเป็นเหล็กที่ผสมชนิดอื่น จะมีหมายเลขต่างออกไป ส่วน 95 หมายถึงมีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ 0.95% ซึ่งการจำแนกเหล็กแบบนี้ เป็นมาตรฐานของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าของอเมริกา เรียกว่า AISI (American Iron and Steel Institute)

เนื้อเหล็ก 1095 High Carbon มีปริมาณคาร์บอนอยู่ระหว่าง 1095 – 1050 ไล่ตั้งแต่การรักษาคมและความแข็งแรง จากมากไปหาน้อย อัตราส่วนของเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน ผสมอยู่มากที่สุด คือ 0.95% ที่เหลือจะเป็นแมงกานีส 0.4%  จึงทำให้เหล็ก 1095 เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรง รักษาคมได้ดีมาก ลับคมได้ง่าย และราคาไม่แพง เหมาะสำหรับนำมาทำดาบ ตั้งแต่เบอร์ 1060 – 1095 แต่เนื่องจากมีคาร์บอนผสมอยู่มาก จึงทำให้เกิดสนิมได้ง่ายตามมา ผู้ใช้จึงต้องยอมในเรื่องการดูแลบำรุงรักษาอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเหล็กทุกประเภทอยู่แล้วครับ

ดังนั้นบริษัทผลิตมีดจำนวนไม่น้อย ที่นิยมในการใช้เหล็ก 1095 มาผลิตมีดของตัวเอง โดยเฉพาะ ESEE ที่ผลิตมีดโดยใช้เหล็ก 1095 High Carbon เป็นหลัก (ยกเว้น ESEE Lite Machete ใช้เหล็ก 1075)

มีดของ ESEE ส่วนใหญ่ใช้เหล็ก 1095 High Carbon ในการผลิต

เนื่องจาก ESEE ผลิตมีดที่ใช้สำหรับการดำรงชีพในป่า เหล็ก 1095 จึงเหมาะสมในแง่ของการใช้งานที่หนัก อย่างเช่นการตัดต้นไม้ใหญ่ สำหรับนั่งร้านหรือแพ ทรงใบแบบ Drop Point มีความคมพอที่ใช้แล่เนื้อ หรือลอกหนังสัตว์ในการทำอาหาร และสามารถลับมีดโดยใช้หินทรายจากน้ำ้ตกได้ โดยไม่จำเป็นต้องต้องใช้หินลับมีดโดยเฉพาะ

มีดของ ESEE ส่วนมากจะเคลือบใบแบบ powder coat ซึ่งนอกจากจะกันสนิมแล้ว ยังช่วยในเรื่องความลื่นในการตัดผ่านวัตถุอีกด้วย (ควรดูแลรักษา อย่างสม่ำเสมอนะครับ)

บางครั้งการหาข้อมูลก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อมีด ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้จักเหล็ก 1095 High Carbon ได้มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ หรือสนใจจะชมและเป็นเจ้าของ มีด ESEE ที่ใช้เหล็กคุณภาพสูง ได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายมีด ESEE ในประเทศไทยครับ

Tags: , , , ,

107 ปี แห่งพัฒนาการ ผ้าพันแผลภาคสนาม

ผมมีเรื่องราวของผ้าพันแผล (bandage) ซึ่งถูกใช้ปฐมพยาบาล และช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ และเป็นอุปกรณ์การแพทย์ขั้นพื้นฐาน ที่พบเห็นกันบ่อยและแสนจะธรรมดาที่สุด เท่าที่เราจะนึกได้ครับ แต่ผ้าพันแผลนั้นกลับมีเรื่องราว และการพัฒนามายาวนาน พอๆกับการกำเนิดของการแพทย์สมัยใหม่เลยทีเดียว

1941 Red Cross Manual showing how to stop bleeding.

คู่มือกาชาดปี 1941 แสดงการห้ามเลือดโดยการกดจุดชีพจร

ผมคงจะไม่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของมันในอดีตมากนัก แต่จะเล่าถึงประโยชน์ จากการใช้ผ้าพันแผลทั้งในอดีต และพัฒนาการของผ้าพันแผลยุคใหม่ ที่หลายท่านยังอาจจะยังไม่เคยทราบครับ

ช่วงก่อนจะเข้าสู่ยุคของการแพทย์สมัยใหม่ (ก่อนปี ค.ศ. 1865 หรือ ราว 150 ปีก่อน) ในการผ่าตัดแต่ละครั้ง ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ มากกว่าความรุนแรงของบาดแผลเองเสียเป็นส่วนใหญ่ แพทย์ที่ทำการรักษา ก็มักจะให้ความสำคัญกับการลดการติดเชื้อ จากบาดแผลหลังการผ่าตัด เพราะยุคนั้นเรายังไม่มีค้นพบยาฆ่าเชื้ออย่างเพนิซิลินกันเลย บาดแผลติดเชื้อจึงเป็นปัญหาใหญ่ในการรักษา

ซึ่งต่อมาภายหลังจากการค้นพบยาฆ่าเชื้อ เพนิซิลินก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ปี ค.ศ.1944 หรือ พ.ศ.2487) ดังนั้นแพทย์สนามและเสนารักษ์ในสงคราม จึงมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อในบาดแผลมากกว่าสิ่งอื่นใดครับ

จากจุดนี่เอง การดูแลผู้บาดเจ็บก่อนการนำส่งถึงโรงพยาบาล pre-hospital care จึงเริ่มมีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่นาทีที่เกิดเหตุ โดยผู้ช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ (ก็คือผู้ที่อยู่รอบตัวผู้บาดเจ็บนั่นเอง ซึ่งไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาล) จำเป็นต้องทำทุกวิธีทาง ในการช่วยชีวิตคนเจ็บให้รอดจากความตาย จนไปถึงมือหมอได้อย่างปลอดภัย ในสภาวะความกดดันต่างๆ

Femoral Artery

ภาพในห้องทดลอง แสดงเส้นเลือดใหญ่ ที่ต้นขาของสุกร

ในสมัยนั้นคู่มือการปฐมพยาบาล จึงไม่สอนให้เราใช้อุปกรณ์ใดๆกดลงบนบาดแผลโดยตรง เพื่อหยุดเลือดที่ไหลออกอย่างรุนแรงจากเส้นเลือดใหญ่ เนื่องจากกลัวการติดเชื้อ แต่จะสอนการห้ามเลือด โดยการกดจุดชีพจร และยกบาดแผลให้สูงกว่าหัวใจแทน

ซึ่งวิธีนี้มักจะได้ผลในช่วง 15 นาทีแรกเท่านั้น เพราะแรงกดจะเริ่มไม่สม่ำเสมอจากนิ้วที่ล้ากำลังลงของผู้ทำการช่วยเหลือ จากการกดไว้นานๆ หลังจากนั้นจึงมีการแนะนำให้ใช้ สายรัดห้ามเลือด(ทูนิเก้) ในการห้ามเลือดแทนการกดด้วยมือ เพราะสามารถใช้งานได้ผล และยาวนานกว่า หลังจากเลือดแข็งตัวและหยุดไหลแล้ว จึงใช้ผ้าพันแผลที่ผ่านการฆ่าเชื้อ มาปิดทับบนบาดแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่อไป

ผ้าพันแผลสำหรับใช้งานภาคสนามชนิดแรก จึงถูกคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1904 (ปี พ.ศ.2447) ชื่อว่า คาไลน์ เดรสซิ่ง ตามชื่อค่ายทหารในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มันถูกผลิตจากผ้าก๊อซสีขาว เย็บติดกับผ้าฝ้ายแถบยาวสีเขียวมะกอก และบรรจุกล่องดีบุก ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นบรรจุซองสีน้ำตาล(ปัจจุบันบรรจุซองสีน้ำตาล และใส่ซองพลาสติกใส) เพื่อใช้ปิดบนแผลไม่ให้แผล มีสิ่งสกปรกเข้าไป มันถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ซึ่งก็เกือบร้อยปีมาแล้วครับ) และในประเทศไทย มันยังคงเป็นผ้าพันแผล ที่มีแจกจ่ายให้ใช้ห้ามเลือด โดยไม่จำแนกความรุนแรงของบาดแผล และมีใช้แพร่หลายทุกเหล่าทัพเลยทีเดียว

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้ห้ามเลือด ในบาดแผลฉกรรจ์ เช่น บาดแผลถูกยิง, บาดแผลระเบิด ฯ ที่เลือดออกอย่างรุนแรงได้เลย เพราะมันถูกออกแบบมาให้ใช้ปิด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลสกปรก หรือขยายกว้างขึ้นเท่านั้น

Thai Army Carlisle Dressing, Israeli Bandage, and Olaes Bandage

(ขวาสุด) ผ้าพันแผลของไทยเลียนแบบ Carlisle Dressing, (บนสุด) Israeli Bandage และ (ล่างซ้าย) Olaes Bandage

ภายหลังจากที่มีการใช้ยาฆ่าเชื้อ สำหรับป้องกันการติดเชื้อบนบาดแผลได้สำเร็จ ก็ได้มีการนำมาตร การป้องกันการเสียเลือดอย่างรุนแรง มาใช้กับบาดแผลโดยตรง เพราะแพทย์และเสนารักษ์ในสนาม ไม่มีความกังวลว่าจะทำให้คนไข้เสียชีวิต เพราะแผลติดเชื้อเหมือนในอดีตอีกแล้ว การใช้ผ้าก๊อซกดลงโดยตรง ในจุดที่เลือดออกบนบาดแผล จึงเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการหยุดเลือด ผ้าก๊อซที่มีเส้นใยถักทอผสานกันอย่างแน่นหนานั้น ออกแบบเพื่อช่วยให้เกล็ดเลือด เกาะยึดเป็นผนัง และแข็งตัวทำให้แผลแห้งเร็วขึ้น

แต่ถ้าเป็นบาดแผลที่เลือดออกรุนแรง แพทย์สนามจะใช้วิธีการอัดผ้าก๊อซลงไปในบาดแผล (wound packing) แทนที่จะปิดหรือโปะไว้แต่เพียงปากแผล เพราะตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่นั้น จะอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังในบาดแผล ดังนั้นการอัดผ้าก๊อซลงในบาดแผลให้แน่น จะเป็นการสร้างแรงกดบนรอยแตกที่เส้นเลือดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ในโรงพยาบาลเมื่อ 50 ปีก่อน ห้ามทำโดยเด็ดขาด เพราะไม่ต้องการให้คนไข้ เสียชีวิตจากการที่บาดแผลติดเชื้อ

แต่อย่างที่กล่าวมาในตอนต้นครับว่า ปัจุบันวิทยาการของยารักษาอาการติดเชื้อ และยาฆ่าเชื้อได้พัฒนาไปมากกว่าแค่เพนิซิลินแล้ว ดังนั้นเมื่อมียาฆ่าเชื้อที่ใช้ได้ผล ผ้าพันแผลสำหรับงานภาคสนาม โดยเฉพาะในงานเชิงยุทธวิธีนั้น จึงพัฒนาตามไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงขั้นตอนการใช้งานด้วยเช่นกัน ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว บาดแผลในสนามรบ ก็ไม่ใช่แผลที่สะอาดตั้งแต่ต้น และก็เป็นการยากที่จะทำให้แผลไม่สกปรกได้ ซึ่งบาดแผลเปิดเหล่านี้ จนแล้วจนรอดก็ต้องได้รับการฆ่าเชื้อ เมื่อนำผู้บาดเจ็บส่งถึงโรงพยาบาล อันเป็นขั้นตอนปกติที่ปฏิบัติกันอยู่แล้ว

ราวๆช่วงปี ค.ศ.1990 จึงได้มีการคิดค้น ผ้าพันแผลสำหรับแพทย์สนาม โดยใช้ชื่อว่า “Israeli Bandage” (อิสราเอลลี่ แบนเดจ) ผ้าพันแผลนี้มีการติดแท่งพลาสติกเสริมแรงกด (pressure bar) เพื่อเพิ่มแรงในการกดลงบนบาดแผล พร้อมผ้ายืดพันแผล ช่วยในการหยุดเลือดให้ดียิ่งขึ้น ผ้าพันแผลอิสราเอลลี่ แบนเดจนั้น ใช้งานได้ดีในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาก็คือ มันใช้ได้ผลแค่เพียงบาดแผลที่ไม่ลึกนัก และในแผลที่เส้นเลือดใหญ่ไม่ได้รับความเสียหาย เพราะแท่งเสริมแรงกดที่เพิ่มขึ้นมานั้น ไม่สามารถสร้างแรงกดได้เพียงพอ ที่จะหยุดเลือดจากเส้นเลือดใหญ่ในแผลฉกรรจ์ได้ ดังนั้นหากเป็นบาดแผลจากการสงคราม เช่น แผลถูกแทง, ถูกยิง หรือบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด เราก็ยังต้องใช้ผ้าก๊อซ อัดลงในบาดแผล หรือวิธีการ Wound Packing ร่วมไปกับอิสราเอลลี่ แบนเดจ พร้อมกันทั้งสองอย่างอยู่ดี เพราะอิสราเอลลี่ แบนเดจ มีเพียงก็อซเพื่อปิดเพียงบนปากแผล แต่หากเป็นแผลลึก อิสราเอลลี่ แบนเดจ ก็จะมีประโยชน์ไม่ต่างจากผ้าพันแผลคาไลน์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทำได้เพียง ปิดป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่บาดแผลเท่านั้น

Olaes Bandage

ผ้าพันแผล Olaes Bandage

ด้วยเหตุนี้ หลังจากพบข้อด้อยของอิสราเอลลี่ แบนเดจที่ใช้กันมากว่า 20 ปี จึงมีการพัฒนาผ้าพันแผล จนมาถึงยุคของผ้าพันแผลสมัยใหม่อย่าง โอลด์ แบนเดจ (Olaes Bandage) ที่นำเอาข้อดีของอิสราเอลลี่ แบนเดจ และผ้าก๊อซเข้าไว้รวมกันในชิ้นเดียว อลด์ แบนเดสามารถใช้กับบาดแผลทั่วๆไป หรือบาดแผลฉกรรจ์ได้ เพราะผ้าปิดแผลจะช่วยป้องกันบาดแผลจากสิ่งสกปรก และสำหรับบาดแผลที่ลึกลงไป ก็สามารถดึงก๊อซที่อยู่ด้านในห่อผ้าปิดแผล ออกมาอัดลงในบาดแผล โดยวิธี Wound Packing ได้ทันที เพื่อช่วยห้ามเลือด ก่อนที่จะพันรอบบาดแผลด้วยผ้ายืด ทับไปโดยรอบให้แน่นอีกทีหนึ่ง

ผ้าพันแผลโอลด์ แบนเดจ ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหา และปิดข้อด้อยของอิสราเอลลี่ แบนเดจได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังออกแบบให้พันได้ด้วยมือข้างเดียว มีระบบป้องกันผ้ายืดคลายตัว, มีพลาสติกเสริมแรงกด, พร้อมแผ่นไซโลเฟน คล้ายพลาสติกใส ใช้ปิดแผลถูกยิงช่วงอก และยังลดพื้นที่การจัดเก็บ ในกระเป๋าปฐมพยาบาลประจำบุคคล ลงด้วยการบรรจุซองสูญญากาศอีกด้วย

ช่วยลดเวลาในการดูแลผู้บาดเจ็บ และลดขั้นตอนการปฐมพยาบาลลง ให้เหมาะสมกับการใช้ห้ามเลือด ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด เพื่อช่วยผู้บาดเจ็บที่กำลังเสียเลือดอย่างรุนแรง และเสี่ยงต่อการรอดชีวิตได้ทันท่วงที

กล่าวถึงชื่อแปลกๆของโอลด์ แบนเดจ กันสักนิดครับ Olaes Bandage ผู้คิดค้นมันขึ้นมาคือ รอส จอห์นสัน เขาตั้งชื่อผ้าพันแผลนี้ จากชื่อเพื่อนรักของเขาคือ จ่าโทนี่ บี โอลด์ (Staff Sgt. Tony B. Olaes) จ่าโอลด์เป็นเสนารักษ์ประจำกรมรบพิเศษที่ 3 ของกองทัพบกสหรัฐฯ เช่นเดียวกับรอส แต่เขากลับต้องมาเสียชีวิตเมื่ออายุได้เพียง 30 ปี จากการถูกซุ่มโจมตีของตาลีบัน ระหว่างลาดตระเวนในจังหวัดปาติก้า ประเทศอัฟกันนิสถาน เดือนกันยายนปี 2004 โดยรอสได้นำเอานามสกุลของเพื่อนรัก มาตั้งเป็นเกียรติและเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไปนั่นเองครับ

ต้องยอมรับว่า เรื่องราวของผ้าพันแผลที่ถูกพัฒนาขึ้นนั้น มาจากการเสียเลือดเนื้อและชีวิต ของทหารทุกเชื้อชาติในยามศึกสงคราม หากไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น การพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามในปัจจุบัน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่แตกต่างจากการช่วยชีวิตในโรงพยาบาล ก็คงไม่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเป็นประโยชน์กับผู้อยู่เบื้องหลัง อย่างผมและทุกท่านเช่นในวันนี้

สนใจเรื่องราวของผ้าพันแผล Olaes Bandage สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายได้โดยตรงที่ Safe House และสำหรับหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน เรายินดีเป็นอย่างยิ่งในการตอบคำถาม และข้อสงสัยในอุปกรณ์การช่วยชีวิตภาคสนามครับ

Tags: , , , , , ,