fbpx

Archive for category Review

ผลิตภัณฑ์ดูแลและซ่อมแซมซิป ตระกูล McNett

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ซิปนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของเสื้อผ้า,กระเป๋า, รองเท้า, ถุง, เป้ และอุปกรณ์หลายชนิด แน่นอนครับอุปกรณ์ทุกอย่าง ย่อมมีการสึกหรอจากการใช้งาน ซึ่งอาจมีสาเหตุของการสึกหรอต่างกันไป โดยเฉพาะหากขาดการบำรุงรักษาที่เหมาะสม ย่อมทำให้อุปกรณ์เหล่านั้น มีอายุการใช้งานที่สั้นลง หรือเสียหายจนใช้การไม่ได้ไปเลย ซิปเองก็เช่นกันครับ  ด้วยลักษณะของตัวซิปที่มีช่องว่างเล็กๆอยู่มากมาย ซึ่งอาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติดอยู่ได้ เช่น ฝุ่น, สนิม, คราบสกปรกต่างๆ ล้วนเป็นสาเหตุให้ตัวซิปชำรุดเสียหาย หรือใช้การได้ไม่ดีทั้งนั้น คราวนี้จะดูแลมันยังไงดี ผมจะพาไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาและซ่อมแซมซิปโดยเฉพาะของ Mcnett กันครับ

Mcnett Zip Care เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดซิปโดยเฉพาะครับ สามารถใช้ได้ทั้งซิปพลาสติก, ซิปไนลอน, ซิปกันน้ำ หรือซิปโลหะ ออกแบบให้มีหัวเป็นแปรงมาในชุดเดียวกัน เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง แม้ในซอกเล็กๆของซิป พร้อมทั้งน้ำยาทำความสะอาดสูตรเฉพาะของ Mcnett เพียงบีบเบาๆและทาไปตามซิป ก็จะช่วยให้สิ่งสกปรกต่างๆ หลุดออกง่ายขึ้น และไม่ทิ้งคราบไว้หลังจากทำความสะอาดแล้ว รวมทั้งช่วยเคลือบป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเหล่านั้น กลับมาติดที่ซิปได้ง่ายอีก

ผลิตภัณฑ์ดูแลซิปอีกตัวก็คือ Mcnett Max Wax สารหล่อลื่นซิปชนิดแท่ง ใช้หล่อลื่นซิปได้ทั้งซิปพลาสติก และโลหะ โดย MaxWax จะช่วยป้องกันการติดขัดของซิป เพียงทาลงบนตัวซิป ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของซิปได้อีกนาน Max Wax ยังออกแบบมาให้สามารถใช้ใด้ทุกสภาวะอากาศ ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด ปราศจากสารพิษ และความที่เป็นขี้ผึ้งคุณภาพสูง จึงไม่เกิดไขในสภาวะอากาศเย็นมากๆ พกพาไปในการเดินทางไ้ด้ของคุณได้ทุกที่ สามารถใช้งานได้ทั้งเสื้อผ้าทั่วๆไป, เต้นท์, รองเท้า, เป้, กระเป๋า หรือชุดกีฬา หรืออุปกรณ์ทางน้ำ

ตามมาด้วยชุดซ่อมแซมอุปกรณ์ Gear Aid ของ McNett ในชุด Zipper Repair Kit ที่ช่วยซ่อมซิปที่ชำรุดให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เพราะคงไม่สนุกแน่ๆครับ หากในขณะที่เรากำลังเดินทาง หรือทำกิจกรรมต่างๆอยู่ แล้วเกิดซิปของกระเป๋าสัมภาระต่างๆ, เต้นท์, ถุงนอน ฯลฯ เกิดแตกหรือเสียหายขึ้นมา เพราะนั่นหมายถึง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวผู้ใช้ หรือของต่างๆที่อยู่ด้านในไปด้วย ครั้นจะหาร้านซ่อมก็คงยากครับในสถานการณ์เฉพาะหน้าเช่นนั้น ดังนั้น Zipper Repair Kit จะสามารถช่วยคุณได้

Zipper Repair Kit มาพร้อมกับอะไหล่ และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการซ่อมแซมซิปในกรณีฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น หัวซิปของYKK ขนาดต่างๆ, เข็ม, ด้าย, มีดขนาดเล็กสำหรับเลาะตะเข็บ ออกแบบมาให้สามารถใช้งานง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากจึงใช้งานได้ทันที สามารถใช้ได้กับซิปของอุปกรณ์แทบทุกชนิด

สนใจสั่งซื้อ Zip Care, Max Wax , Zipper Repair Kit  และผลิตภัณฑ์อื่นๆของ McNett เพื่อบำรุงและซ่อมแซมอุปกรณ์ที่คุณรัก สอบถามและเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ Safe House ครับ

Tags: , ,

ซองกันน้ำ Overboard Universal Case

ในภาวะน้ำท่วมแบบนี้ แน่นอนครับสิ่งของประจำตัวชิ้นเล็กๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, เงิน, บัตรประชาชน, ATM หรือเอกสารประจำตัวต่างๆ ย่อมต้องระมัดระวังไม่ให้เปียกน้ำเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต้องลุยน้ำ ในภาวะแบบนี้ ผมมีกระเป๋าห้อยคอกันน้ำ จาก overboard รุ่น Universal Case มาแนะนำครับ

Overboard Universal Case ออกแบบมาให้เป็นซองกันน้ำ สำหรับใส่สิ่งของสำคัญที่่ต้องการพกติดตัว ตัวซองสามารถป้องกันได้ทั้งน้ำ, ฝุ่น, ทราย, ฝน, หิมะ, โคลนและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจเข้าไปทำอันตรายต่อ อุปกรณ์เหล่านี้ให้เสื่อมคุณภาพหรือเสียหายได้ จึงเหมาะมากที่จะใช้ในงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น การโดยสารเรือ, เล่นกีฬาทางน้ำ, ตกปลา, พายเรือ หรือจะใช้ในขณะฝนตกก็ย่อมได้

ซองกันน้ำของ Overboard ผลิตจากพลาสติกชนิด thermoplastic polyurethane(TPU) เป็นมิตรกับสิ่งแว้ดล้อม สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีความทนทานสูง ตัวซองสามารถกันน้ำ 100 % ระบบล๊อคเป็นแบบ Slide Seal System ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Overboard ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เพียงแค่ใช้นิ้วมือเลื่อนปิด-เปิดเท่านั้น แม้จะดูเรียบง่ายแต่มีความแน่นหนาสูง สามารถกันน้ำได้ลึก 6 m. (18 ft) ตัวซองสามารถลอยน้ำได้อีกด้วย เป็นอุปกรณ์อีกชิ้นที่ช่วยปกป้องของมีค่า ให้ปลอดภัยจากน้ำครับ

คุณสมบัติ
-ยาว 12.5 cm. กว้าง 15 cm.
-กันน้ำได้ 100 %(class5)
-สามารถลอยน้ำใด้
-กันน้ำได้ลึก  6 เมตร
-ป้องกันฝุ่น,น้ำ,ทราย
-ผลิตจาก thermoplastic polyurethane (TPU)

สนใจสอบถามสินค้าของ Over Board หรือเยี่ยมชมสินค้าได้แล้ววันนี้ที่ Safe House ครับ

Tags:

Hest/F 1.0 VS F 2.0 แฝดพี่น้องตระกูล Hest

ผมมีรีวิว Hest Folder มาแนะนำกันครับ สำหรับ Hest/F 2.0 ซึ่งเป็น Hest รุ่น 2 รุ่นล่าสุดของ DPx (Dangerous Places Extreme) โดยการเติมเลขเวอร์ชั่นต่อท้ายเข้าไป บอกให้รู้ถึงรุ่นที่แตกต่าง ล๊อตแรกเป็นเวอร์ชั่น Hest/F 1.0 โดยแรกเริ่มที่ได้ปรับปรุงเวอร์ชั่น 1 นั้น ทาง DPx ตัดสินใจที่จะส่งเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้ว ไปให้ลูกค้า(ที่อเมริกา) ที่เคยซื้อตัว Hest/F 1.0 เพื่อขอความเห็น โดยการสุ่มทางเบอร์โทรศัพท์ และส่งไปให้ถึงบ้านเลยครับ จากนั้น DPx จึงนำข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้โดยตรง มาปรับปรุงรุ่นใหม่ในเวอร์ชั่น Hest/F 2.0 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างและหน้าตาเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

Package ใหม่... สวยขึ้นเยอะ

เริ่มจากตัว Package ก่อนเลย จะเห็นว่า่กล่องของ Hest/F 2.0 สวยงามขึ้น และดูจะใส่ใจกับ Package มากขึ้นเมื่อเทียบกับ Hest/F 1.0 เนื่องจาก DPx Gear,Inc. มีจุดเด่นที่เป็นลักษณะเหมือนบริษัท Product Design จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ มากกว่าบริษัทผลิตมีดทั่วไปครับ

ตัวกล่องรุ่น 2 พิมพ์ลาย Mr.dp ทั่วทั้งกล่อง และผลิตจากกระดาษลูกฟูก แข็งแรง ทนทานกว่ากล่องรุ่น 1 ที่ผลิตจากกระดาษแข็งธรรมดา ด้านนอกของ Hest/F 2.0 ยังห่อด้วยกระดาษแข็งสีดำด้าน ปั้มนูนพิมพ์ลายโลโก้ Mr.dp ลงสีเงิน คราวนี้ก็สวยงามพอที่จะโชว์กล่องไว้ในตู้พร้อมมีดได้แล้วครับ

เมื่อเปิดกล่องออกมา…ด้านในตัวมีดจะห่อกระดาษสีดำไว้ ที่สำคัญแถม Adjustment tool หน้าตาคล้ายหัวกะโหลก มาให้เหมือนเดิมครับ แต่ที่แตกต่างออกไป คราวนี้มีคู่มือของตัวมีดมาด้วย ด้านในคู่มือบอกถึงวิธีการใช้งาน, วัสดุการผลิต, ขนาดโดยรวม ฯลฯ ซึ่งออกแบบได้สวยงาม

เกริ่นมานาน…ก็ได้เวลาดูพระเอกของเราแล้ว DPx Hest/F 2.0 หน้าตาโดยรวมดูแบบผิวเผิน จะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างจาก Hest/F 1.0 สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกเลยครับ แต่ถ้าลองพิจารณาอย่างละเอียด เราก็จะเห็นข้อแตกต่างในหลายๆส่วน

บน: รุ่น 2 ล่าง: รุ่น 1 มีขนาดเท่ากันครับ

เริ่มเปิดมีดกันเลยดีกว่า สำหรับคนที่เพิ่งเคยได้ลองจับ Hest/F 2.0 เป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าเปิดมีดยากพอสมควร แต่ไม่ต้องห่วงครับ เป็นอย่างนี้ทั้ง 2 เวอร์ชั่น(เอ๊ะ…ยังไง) แต่เมื่อพอจับจุดในการเปิดได้ ฝึกไปซักพักก็จะเปิดมีดได้คล่องขึ้นเหมือนมีดปกติครับ

การเปิดมีดมี Trick อยู่ที่ว่า แทนที่จะใช้ปลายนิ้วโป้งในการดัน Trumbstud ลองเลื่อนต่ำลงมาซัก 2 ซม.แล้วเปิดดู จะรู้สึกว่าเปิดง่ายขึ้นนะครับ หรือจะใช้ Adjustment tool ที่แถมมาให้ หรือจะปรับแกน pivot ให้คลายออกซักนิดก็ได้ครับ เน้นนะครับว่านิดเดียวแค่นี้ก็จะเปิดง่ายขึ้นแล้วครับ

รูปทรงใบมีดยังคงเป็นทรง Drop Point เหมือนกันทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาด แลความหนาครับ ด้วยความหนาขนาดนี้ของเหล็ก D2 ถือว่า DPx ลงทุนในการผลิตรุ่นนี้สูงจริงๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น สเปกขนาดนี้ ราคาไม่ได้เท่านี้แน่นอนครับ

ระบบล๊อคเป็นแบบ Frame lock ผลิตจาก Titanium ทำผิวแบบ Stone wash ความหนาของตัวเฟรมมีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รุ่นครับ การเปิด-ปิดของรุ่น Hest/F 2.0 แรกเริ่มจะมีความฝืดน้อยกว่ารุ่น 1 เมื่อได้ลองนำน้ำมันหล่อลื่นมาทาตรงหน้าสัมผัส จะพบว่าความฝืดลดลงครับ (น้ำมันที่ผมใช้ เป็นน้ำมันหล่อลื่นปืนรุ่น EWL ยี่ห้อ Slip2000)

ระบบ RotoฺBlock เป็นระบบที่ป้องกันการตีกลับของใบมีด พบว่าเมื่อบิดเพื่อล็อคและทดสอบด้วยการใช้มือพยายามที่จะปิดใบมีด พบว่าแน่นหนาดีทั้ง 2 รุ่นครับ ต่างกันเพียง Hest/F 2.0 จะไม่มีสัญลักษณ์บอกว่า ให้บิดไปทางไหนเพื่อทำการล๊อคครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบรุ่น Hest/F 1.0 มากกว่า

สัญลักษณ์บริเวณ RotoBlock จะไม่มีในรุ่น 2.0

เพราะการมีสัญลักษณ์บอก จะได้รู้ว่าควรบิดไปทางไหน แต่ทางฝรั่งบางคนที่ได้รีวิวเอาไว้ บอกว่าทาง DPx ลบออกเพื่อลดการสับสน (ส่วนตัวแล้ว ทิศทางการหมุนไม่ใช่เรื่องยากครับ) ส่วนด้านท้าย มีรูสำหรับไขน๊อตแบบ Hex หรือหกเหลี่ยมได้ หรือจะเอาไว้ร้อย Lanyard ก็ได้อีกเช่นกัน

ฝั่งทางด้านของ Sub frame ในรุ่น 2 จะถูกตัดออกไปเพื่อลดน้ำหนักของตัวมีดโดยรวมลง จึงทำให้สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ในทันทีที่จับ คือตัวมีดเบาขึ้นจากเดิมเล็กน้อยครับ

ในฝั่งของประกับมืออีกด้าน ผลิตด้วย G10 สี Sage Green ซึ่งความหนาของรุ่น 1 จะอยู่ที่ 6 มม. รุ่น 2 จะอยู่ที่ 8 มม. สังเกตุว่ารุ่น 2 จะหนากว่ากันเล็กน้อย เพื่อชดเชย Sub frame ที่ได้เอาออกไปครับ

รุ่น 2 ได้ทำการปรับเปลี่ยน Design นิดหน่อย ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งปิดมีดได้เร็วยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหลายท่านคิดว่า ไม่จำเป็นต้องปิดให้เร็วขนาดนั้นก็ตามเถอะครับ แต่ก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี

คลิปเหน็บกระเป๋า ผลิตด้วย Stainless ยิงลาย HEST ข้อแตกต่างคือ คลิปของรุ่น 2 จะไม่มีช่องสำหรับคล้อง Lanyard เหมือนเดิมนะครับ ซึ่งจะทำให้ตัวคลิปแข็งแรงขึ้นมาก หรือใครที่ไม่ชอบคลิปแบบที่มีมาให้ ก็สามารถสั่งซื้อมาเปลี่ยนได้นะครับ มีหลายแบบด้วยกัน ลองเข้าไปดูในเว็บของ DPx ได้เลยครับ

ด้านท้ายของตัวมีดจะมีน๊อตปลายแหลม ทำหน้าที่เป็นตัวตอกกระจก (Glass breaker) และช่วยยึดตัวคลิปให้อยู่กับที่ด้วย ในกล่องจะมีมาให้ 2 แบบครับ แบบปลายแหลมกับปลายมน จากการใช้งานตั้งแต่ได้มา ผมบอกได้ว่า Glass breaker ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน จะดึงเข้าดึงออกเป็นร้อยๆครั้ง ก็ไม่ได้บาดหรือข่วนมือแต่อย่างใดครับ

ภาพกลไกของ RotoBlock

Mr.DP Skull Tool adjustment สุดยอดของแถม ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่จูงใจคนซื้อ Hest/f ได้ดีมากๆ เมื่อเห็นแว๊บแรก ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ การทำผิวสัมผัสแตกต่างกันครับ Hest/F 1.0 จะทำผิวแบบด้านๆ แต่ Hest/F 2.0 จะเป็นแบบ Stone wash ซึ่งก็สวยกันคนละแบบ แล้วแต่จะชอบนะครับ หลายท่านคงสงสัยว่ามันจะเอาไว้ใช้ทำอะไรนะครับ… คือว่ามันถูกออกแบบด้วยจุดประสงค์หลายประการดังนี้ครับ
1. ไขปรับความแน่น-อ่อน ของน๊อต pivot
2. ไขเปลี่ยน Glass Breaker
3. Strap Cutter สำหรับตัดกล่อง, ลังกระดาษ ฯลฯ

รูจมูกของ Mr.dp ซึ่งเป็นที่เก็บของน๊อตยึดคลิปเหน็บกระเป๋า ก่อนหน้านี้รุ่น 1 จะเป็นรูเฉยๆ แต่ตอนนี้รุ่น 2 เซาะเกลียวมาให้เลยไม่ต้องกลัวน๊อตหล่นหายแล้วครับ

ส่วน Strap Cutter หรือ BOX Cutter แล้วแต่จะเรียกนะครับ ไว้สำหรับตัดสิ่งของพวกเทปกาวบนลังกระดาษ, เอ็นตกปลา, พลาสติก ไม่สามารถตัดเชือกหนาๆ หรือเอาไปทำเป็นอาวุธป้องกันตัว ก็เล็กเกินไปครับ

สรุปว่า DPx Hest/f 2.0 ได้ปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆให้ดีขึ้น และใส่ใจกับรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดีกับผู้ใช้ น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นมีดรุ่นเดิม ในเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการออกรุ่นใหม่ไปเลยซะมากกว่า ซึ่งผมว่าน่าเสียดายการออกแบบที่เริ่มต้นมาดีแล้ว สำหรับ DPx Hest/f เวอร์ชั่น 2.0 ที่ผมให้ข้อมูลมานี้ ก็หวังว่าแฟนๆ DPx Hest จะได้ข้อมูลกันไปอย่างพอเพียงนะครับ สำหรับ Hest/F 1.0 ที่หมดไปแล้ว ต้องขออภัยที่ไม่สามารถนำมาเพิ่มเติมให้เป็นเจ้าของกันได้ แต่สำหรับ Hest/F 2.0 รุ่นล่าสุดนี้ ยังมีให้คุณเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัดครับ

สนใจสินค้าของ DPx Gear ติดต่อได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยครับ

Tags: , ,

Magnesium Fire Starter แท่งจุดไฟ ตกน้ำก็ติดได้

ในหลายๆสถานการณ์ ความสามารถในการจุดไฟจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า เราจะมีชีวิตรอดหรือตายเลยทีเดียวครับ เนื่องจากไฟสามารถให้ทั้งความอบอุ่นแก่ร่างกาย, ใช้ในการทำอาหาร, ต้มน้ำดื่ม, เป็นสัญญาณสำหรับขอความช่วยเหลือ และป้องกันอันตรายจากสัตว์ป่า แน่นอนครับเมื่อจะต้องจุดไฟ คนส่วนมากย่อมต้องนึกถึงไฟแช๊ค หรือไม้ขีดไฟเป็นอันดับแรกๆ แต่ถ้าเราไม่มีหรือในบางสถานการณ์ที่ไม้ขีดจุดไม่ติด ไฟแช็คพังหรือแก๊สหมด ไม่สามารถใช้งานได้ ทีนี้จะทำยังไงดีครับ คำตอบก็คือ อุปกรณ์ที่เรียกว่า “แท่งจุดไฟ” หรือ Fire Starter ครับ

ผมจะทดลองให้เห็นการใช้งานนะครับ แท่งจุดไฟที่ผมเลือก คือ Magnesium Fire Starter ของ The Doan Machinery and Equipment Company ซึ่งเป็นแท่งจุดไฟที่มาพร้อมกับ Magnesium

ประกายไฟที่เกิดจากการขูดแท่งจุดไฟ

สำหรับเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟ มีลักษณะเป็นแท่งโลหะสีเงิน ขนาด 3 x 1 นิ้ว อีกด้านนึงเป็นแท่ง Ferrocerium ทำหน้าที่ให้ประกายไฟเมื่อใช้มีดขูดเข้าใส่ Magnesium อีกทีหนึ่ง

วิธีการใช้งานก็ง่ายๆครับ ใช้มีดขูดเนื้อ Magnesium ออกมากองบนเชื้อไฟ เช่น กระดาษ, เศษไม้ ฯลฯ กะปริมาณให้พอดีครับ อย่าให้มากเกินไป หลังจากนั้นให้พลิกกลับเอาด้านที่เป็นแท่ง Ferrocerium สีดำ สำหรับจุดไฟมาจ่อที่ผง Magnesium ที่ขูดไว้ ใช้มีดขูดตรงแท่ง Ferrocerium เพื่อให้เกิดประกายไฟสำหรับจุดผง Magnesium ซึ่งความร้อนจากการเผาไหม้ จะทำให้ผง Magnesium ลุกติดไฟอย่างรวดเร็วและมีความร้อนสูงมาก

ในขณะที่ผมทดลองจะสังเกตุว่า กระดาษที่ใช้รองอยู่นั้น ลุกไหม้ขึ้นมาทันทีครับ ขั้นต่อไปผมทดลองจุดเมื่อเปียกน้ำ โดยเอา Magnesium Fire Starter ลง

ผง Magnesium กำลังลุกไหม้

ไปจุ่มน้ำ แล้วนำมาขูดผง Magnesium ลงบนกระดาษอีกครั้ง เพื่อทำการจุดดูว่าหาก Magnesium Fire Starter เปียกน้ำจะสามารถจุดติดหรือไม่ ปรากฏว่าจุดติดเป็นปกติครับ เพียงเชื้อไฟหรือฟืนที่แห้งเพียงพอ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

หลังงจากนั้นผมลองทดสอบดูว่า หากเราเก็บเจ้าแท่ง Magnesium Fire Starter ไว้ในที่มีอากาศร้อนมาก จะทำให้แท่ง Magnesium เกิดลุกติดไฟขี้นมาเองหรือไม่ ผมทดลองโดยการเอาไฟแช๊คจุดไฟแล้วลนแท่ง Magnesium ตรงๆดูครับ

ปรากฏว่าไม่มีผลอะไรครับ แท่ง Magnesium ยังคงสภาพเดิมอยู่ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีความปลอดภัยสูง หากไม่นำไปจุดเล่นโดยประมาทนะครับ จากการทดสอบทั้งหมด ทำให้ผมเชื่อว่าแท่งจุดไฟ Magnesium Fire Starter สามารถทำงานได้ในทุกสภาวะ และวางใจได้แม้ต้องเจอกับความเปียกชื้น ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน

หากท่านมีอุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่ ท่านจะสามารถจุดไฟในที่ที่ต้องการได้ แต่ยังไงอุปกรณ์ฺจุดไฟทุกชนิด ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังนะครับ ถึงแม้วันนี้น้ำจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าไฟกันไปทั้งเมืองแล้วก็ตาม ผมก็ขอให้ทุกท่านที่ประสบปัญหาเดียวกันมีน้ำใจให้กัน เพื่อให้เมืองไทย ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตนี้ไปได้อย่างเข้มแข็งครับ

คุณสามารถเป็นเจ้าของ Magnesium Fire Starter และอุปกรณ์การยังชีพได้เเล้วที่ Safe House ครับ

Tags: ,

Revision Small frame กรอบใหม่ ใส่เลนส์เดิม

ผมขอแนะนำ แว่น Revision Sawfly กรอบใหม่ล่าสุดในขนาด Small ซึ่งถูกออกแบบกรอบหรือเฟรมของตัวแว่น ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อรับกับโครงหน้าของผู้ใช้งานที่ค่อนข้างเล็ก ให้สามารถสวมใส่ได้กระชับและไม่อึดอัด หากเมื่อเทียบกับ Size Regular ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานแล้ว จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในความกว้างของตัวแว่นครับ

ความกว้างของแว่น size small

โดยตัวแว่น Size  Small  จะมีขนาดความกว้างของกรอบแว่นอยู่ที่ 120 มม. ในขณะที่ Size Regular จะมีความกว้างของกรอบที่ 130 มม. ขนาดจะต่างกันอยู่ 10 มม. ซึ่งความแตกต่างตรงนี้ จะทำใหู้้ผู้ที่มีโครงหน้าเล็กสามารถสวมใส่ได้ โดยไม่มีปัญหาในเรื่องของความกระชับในขณะสวมใส่

ในส่วนของขาแว่นจะมีความยาวเท่ากันที่ 130 มม. สามารถปรับยืดออกได้ เช่นเดียวกับ Sawfly Size Regular และ Large แต่ความพิเศษจะอยู่ตรงที่ตัวเลนส์ สามารถใช้ร่วมกันได้ระหว่างเลนส์ Size  Small และ Size Regular แน่นอนครับแม้ขนาดจะต่างกัน แต่ยังคงความทนทานเหนือชั้นไม่เปลี่ยนแปลง

ด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าเกณฑ์การทดสอบของมาตรฐาน ANSI Z87.1-2010 ถึง 6 เท่า และผ่านการทดสอบให้เป็นแว่นตาสำหรับทหาร ตามข้อกำหนดของ US Military PRF-31013ข้อ 3.5.1.1 และ DTL-43511D ข้อ 3.5.10 ตัวเลนส์สามารถป้องกันรังสี UV-A, UV-B และ UV-C ได้ 100%

สอบถามและเป็นเจ้าของแว่นตา หรืออะไหล่แว่นทุกรุ่นของ Revision Military ได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาติโดยตรงจากผู้ผลิต ท่านจะได้รับการรับประกันสินค้าตามมาตรฐานและเงื่อนไขของผู้ผลิตทุกประการ และโปรดระวังของปลอมเลียนแบบครับ

Tags: ,

พิสูจน์แรงไฟ Windmill Delta lighter

หลังจากที่ผมได้เคยแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Windmill Delta lighter ไฟแช็คท้าฝน ทนลม ที่มีพลังสูง จุดติดง่าย ไม่ดับเพราะแรงลมกันไปแล้ว คราวนี้ผมจะทดลองใช้เจ้าไฟแช็คพลังสูงตัวนี้ เพื่อแนะนำให้เห็นภาพกันชัดๆครับ

ครั้งแรกที่ได้ลองจับเจ้าไฟแช็คจอมทรหดตัวนี้ ต้องบอกว่ารู้สึกได้เลยครับถึงความแข็งแรง และทนทานของตัวไฟแช็ค เพราะโครงสร้างของมันทำจากพลาสติกกันกระแทกอย่างดี  มีการซีลขอบไว้สำหรับป้องกันน้ำเข้าในทุกจุด น้ำหนักเบา มีจุดสำหรับเติมแก๊สด้านล่างของตัวไฟแช็ค ส่วนด้านในตัวไฟแช็คบริเวณที่ต้องสัมผัสกับความร้อน จะถูกบุไว้ด้วยเซรามิกทนไฟ เพื่อป้องกันความร้อนที่เกิดจากเปลวไฟในขณะที่คุณจุดไฟ

ขณะจุดไฟ

ระบบจุดไฟ ของ Windmill Delta lighter  เป็นแบบเพียโซอิเล็กทริกส์ (piezoelectric material) ซึ่งไม่ใช่ถ่านไฟแช็ค เหมือนกับไฟแช็คทั่วๆไปตามท้องตลาด โดยใช้เชื้อเพลิง คือ แก๊สบิวเทน (butane) ซึ่งสาเหตุที่เลือกใช้แก๊สบิวเทนเป็นเชื้อเพลิง ก็เนื่องจากสามารถหาได้ง่าย และราคาไม่แพง รวมทั้งเมื่อเผาไหม้แล้ว นอกจากจะให้ความร้อนสูง มันยังไม่ทิ้งคราบเขม่าเหลือให้รำคาญอีกด้วย

ในการทดสอบครั้งนี้ผมใช้แก๊สเติมไฟแช็คยี้ห้อ  S White ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วๆไป ราคาไม่กี่สิบบาทครับ

ขณะนำลงไปแช่ในน้ำ

ทีนี้ผมจะลองเอามาจุดไฟขณะที่เปียกน้ำดูครับว่า จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน โดยการเอามาจุ่มลงไปในน้ำซักพัก แล้วเอาขึ้นมาลองจุดไฟดูครับ ปรากฏว่าสามารถจุดติดได้โดยไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าจะให้ดีเมื่อเอาขึ้นจากน้ำแล้วถ้ายังไม่ได้ใช้งานในทันที ก็ควรจะเช็ดให้แห้งดีกว่าครับ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของไฟแช็ค

ต่อไปผมจะลองจุดไฟในขณะที่ลมแรงมากๆครับว่า จะสามารถจุดได้หรือไม่ โดยทางผู้ผลิตบอกว่าสามารถจุดได้แม้ในขณะความเร็วลมสูง 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว แต่เนื่องจากผมคงไม่สามารถหาสถาณการณ์ที่มีความเร็วลมขนาดนั้นได้ ในการทดสอบก็เลยใช้วิธีการจำลองสถานการณ์ โดยการเอาพัดลมตั้งโต๊ะมาเปิดแทนครับ โดยผมเปิดพัดลมไปที่เบอร์ 3 ซึ่งเป็นเบอร์แรงสุด แล้วเอา Windmill Delta lighter มาจุดลองดูด้านหน้าพัดลม ซึ่งหลังจากลองจุดดูก็พบว่า สามารถจุดติดได้ครับ แม้ว่าจะมีลมแรงพัดใส่อยู่ก็ตาม ซึ่งไฟแช็คตามท้องตลาดที่เราเห็น (แบบที่ราคาไม่เิกิน 50 บาท) ไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่นอน เปลวไฟของไฟแช็ค สามารถต้านทานแรงลมได้ดีทีเดียวครับ ทำให้ผมมั่นใจว่าเพียงพอที่จะใช้จุดไฟ ในสถานการณ์ที่ลมพัดแรงมากๆได้

ทดลองจุดไฟขณะมีลมแรง

มาถึงขั้นตอนของการเติมแก๊สบิวเทน (butane) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของ Windmill Delta lighter ครับ ในการเติมแก๊สเราจะมีวิธีการดังนี้ครับ

1.ในการบรรจุแก๊ส ควรทำในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก อยู่หางจากแหล่งความร้อน, เปลวไฟ หรือประกายไฟ และควรอ่านข้อบ่งใช้บนกระป๋องแก๊สให้ละเอียดก่อนใช้งาน

การเติมแก๊ส

2.ในขณะที่เติมแก๊ส ให้ปิดฝาครอบไฟแช็คไว้ เพื่อป้องกันการจุดไฟโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วทำการปรับตัวควบคุมความแรงของไฟ( Flame level adjustment) ให้เป็นลบ(-) โดยตัวควบคุมนี้จะอยู่บริเวณช่องสำหรับเติมแก๊ส มีลักษณะคล้ายๆโอริงสีดำ สังเกตุดูจะมีเครื่องหมาย (+)และ(-) อยู่ด้วยครับ

3.นำกระป๋องแก๊สมาเสียบเข้ากับช่องสำหรับเติมแก๊ส ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านล่างของตัวไฟแช็ค ให้คว่ำไฟแช็คลง ให้จุดที่ใช้เติมแก๊สอยู่ด้านบน กดกระป๋องแก๊สค้างไว้ 4-5 วินาที ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าแก๊สจะเต็ม โดยสังเกตุจากฟองอากาศครับ ฟองอากาศจะหมดไปเมื่อเติมแก๊สเต็มแล้ว

4.หลังจากเติมแก๊สเสร็จแล้ว ให้รอประมาณ 1-2 นาที ปรับตัวควบคุมไปทางเครื่องหมายบวก(+) แล้วจึงนำไปใช้งานได้ครับ

หลังจากที่ได้ทำการทดสอบ Windmill Delta lighter ในรูปแบบต่างๆแล้ว ผมสามารถบอกได้ว่า เจ้าไฟแช็คจอมอึดตัวนี้ สามารถใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์จริงๆ ไม่ว่าจะลมแรง, เปียกน้ำ ก็ยังสามารถจุดติดได้ โดยไม่มีอาการรวนหรือติดขัดแต่อย่างใด

ทำให้ผมมั่นใจได้ว่า หากเมื่อไหร่ที่ท่านต้องการอุปกรณ์ในการจุดไฟ ที่เชื่อถือได้และไม่บอบบาง Windmill Delta lighter จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกของผมเลยครับ อย่าเพิ่งเชื่อผมแนะนำให้พิสูจน์ตัวจริงของ Windmill Delta lighter ด้วยตัวคุณเอง ที่  Safe House ครับ

Tags: , ,