fbpx

Archive for category Knives

Boker Plus Subcom วางจำหน่ายแล้ววันนี้

หลายคนอาจคุ้นตามีดพับเล็กกะทัดรัดจากค่าย Boker รุ่น Plus Subcom Folder ซึ่งออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ใบมีดผลิตจากสแตนเลส AUS-8 เหล็กกล้าปลอดสนิม สายเลือดญี่ปุ่น ระบบล๊อคเป็นแบบ framelock น้ำหนักเบา ด้ามจับผลิตจากไฟเบอร์กลาส(fiberglass) ผสมด้วยไนลอน(nylon) มีความทนทานสูง Boker Plus Subcom Folder น้ำหนักเพียง 2.5 oz เท่านั้นครับ เบาและเล็กสมตัว

คุณสมบัติ

  • ความยาวรวม  5.5 นิ้ว
  • ใบมีดยาว 1.9 นิ้ว
  • ระบบล๊อคแบบ framelock
  • ด้ามจับผลิตจาก ไฟเบอร์กลาส (fiberglass)ผสมด้วย ไนลอน(nylon)
  • น้ำหนัก 2.5 oz

เป็นเจ้าของ Boker Plus Subcom Folder ได้แล้ววันนี้ ที่ Safe House ครับ

Tags: , , ,

Ontario Machete Sawback NOW IN STOCK !

กลับมาอีกครั้ง สำหรับมีด Machete จากค่ายของ Ontario รุ่น Sawback Machete  มีดรุ่นนี้ได้ถูกผลิตขึ้นและยังคงรูปแบบของ Machete ที่ใช้ในกองทัพสหรัฐ มากว่า 60 ปี  Ontario ใบมีดผลิตจากเหล็ก ชนิด 1095  high carbon และเคลือบผิวใบมีดด้วย black zinc phosphate เพื่อป้องกันสนิมกัดกร่อนเนื้อเหล็ก

ด้านหลังใบมีด ออกแบบให้เป็นฟันเลื่อย สำหรับการเลื่อยไม้ด้วยฟันของเลื่อยที่มีความคมสูงและขนาดใหญ่ ทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้งาน ในส่วนของด้ามจับ ก็ทำจากพลาสติกให้ทนแรงกระแทก ปลายด้ามมีรูสำหรับร้อยเชือกมาด้วย หากต้องการร้อยเชือกเพื่อทำเป็นห่วงสำหรับคล้องข้อมือ เพิ่มความกระชับในขณะใช้งานได้ดี เป็นเจ้าของ Ontario Sawback Machete ได้แล้วที่ Safe House ครับ

คุณสมบัติ

ความยาวรวม 23.25  นิ้ว
ใบมีดยาว  18 นิ้ว
ใบมีดหนา  0.125 นิ้ว
ทำจากเหล็ก  1095
ด้ามจับเป็น Polymer
น้ำหนัก 19.40 oz.
Made in USA
ซองมีดแยกขายต่างหากครับ

Tags:

Hest/F 1.0 VS F 2.0 แฝดพี่น้องตระกูล Hest

ผมมีรีวิว Hest Folder มาแนะนำกันครับ สำหรับ Hest/F 2.0 ซึ่งเป็น Hest รุ่น 2 รุ่นล่าสุดของ DPx (Dangerous Places Extreme) โดยการเติมเลขเวอร์ชั่นต่อท้ายเข้าไป บอกให้รู้ถึงรุ่นที่แตกต่าง ล๊อตแรกเป็นเวอร์ชั่น Hest/F 1.0 โดยแรกเริ่มที่ได้ปรับปรุงเวอร์ชั่น 1 นั้น ทาง DPx ตัดสินใจที่จะส่งเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้ว ไปให้ลูกค้า(ที่อเมริกา) ที่เคยซื้อตัว Hest/F 1.0 เพื่อขอความเห็น โดยการสุ่มทางเบอร์โทรศัพท์ และส่งไปให้ถึงบ้านเลยครับ จากนั้น DPx จึงนำข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้โดยตรง มาปรับปรุงรุ่นใหม่ในเวอร์ชั่น Hest/F 2.0 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างและหน้าตาเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

Package ใหม่... สวยขึ้นเยอะ

เริ่มจากตัว Package ก่อนเลย จะเห็นว่า่กล่องของ Hest/F 2.0 สวยงามขึ้น และดูจะใส่ใจกับ Package มากขึ้นเมื่อเทียบกับ Hest/F 1.0 เนื่องจาก DPx Gear,Inc. มีจุดเด่นที่เป็นลักษณะเหมือนบริษัท Product Design จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ มากกว่าบริษัทผลิตมีดทั่วไปครับ

ตัวกล่องรุ่น 2 พิมพ์ลาย Mr.dp ทั่วทั้งกล่อง และผลิตจากกระดาษลูกฟูก แข็งแรง ทนทานกว่ากล่องรุ่น 1 ที่ผลิตจากกระดาษแข็งธรรมดา ด้านนอกของ Hest/F 2.0 ยังห่อด้วยกระดาษแข็งสีดำด้าน ปั้มนูนพิมพ์ลายโลโก้ Mr.dp ลงสีเงิน คราวนี้ก็สวยงามพอที่จะโชว์กล่องไว้ในตู้พร้อมมีดได้แล้วครับ

เมื่อเปิดกล่องออกมา…ด้านในตัวมีดจะห่อกระดาษสีดำไว้ ที่สำคัญแถม Adjustment tool หน้าตาคล้ายหัวกะโหลก มาให้เหมือนเดิมครับ แต่ที่แตกต่างออกไป คราวนี้มีคู่มือของตัวมีดมาด้วย ด้านในคู่มือบอกถึงวิธีการใช้งาน, วัสดุการผลิต, ขนาดโดยรวม ฯลฯ ซึ่งออกแบบได้สวยงาม

เกริ่นมานาน…ก็ได้เวลาดูพระเอกของเราแล้ว DPx Hest/F 2.0 หน้าตาโดยรวมดูแบบผิวเผิน จะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างจาก Hest/F 1.0 สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกเลยครับ แต่ถ้าลองพิจารณาอย่างละเอียด เราก็จะเห็นข้อแตกต่างในหลายๆส่วน

บน: รุ่น 2 ล่าง: รุ่น 1 มีขนาดเท่ากันครับ

เริ่มเปิดมีดกันเลยดีกว่า สำหรับคนที่เพิ่งเคยได้ลองจับ Hest/F 2.0 เป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าเปิดมีดยากพอสมควร แต่ไม่ต้องห่วงครับ เป็นอย่างนี้ทั้ง 2 เวอร์ชั่น(เอ๊ะ…ยังไง) แต่เมื่อพอจับจุดในการเปิดได้ ฝึกไปซักพักก็จะเปิดมีดได้คล่องขึ้นเหมือนมีดปกติครับ

การเปิดมีดมี Trick อยู่ที่ว่า แทนที่จะใช้ปลายนิ้วโป้งในการดัน Trumbstud ลองเลื่อนต่ำลงมาซัก 2 ซม.แล้วเปิดดู จะรู้สึกว่าเปิดง่ายขึ้นนะครับ หรือจะใช้ Adjustment tool ที่แถมมาให้ หรือจะปรับแกน pivot ให้คลายออกซักนิดก็ได้ครับ เน้นนะครับว่านิดเดียวแค่นี้ก็จะเปิดง่ายขึ้นแล้วครับ

รูปทรงใบมีดยังคงเป็นทรง Drop Point เหมือนกันทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาด แลความหนาครับ ด้วยความหนาขนาดนี้ของเหล็ก D2 ถือว่า DPx ลงทุนในการผลิตรุ่นนี้สูงจริงๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น สเปกขนาดนี้ ราคาไม่ได้เท่านี้แน่นอนครับ

ระบบล๊อคเป็นแบบ Frame lock ผลิตจาก Titanium ทำผิวแบบ Stone wash ความหนาของตัวเฟรมมีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รุ่นครับ การเปิด-ปิดของรุ่น Hest/F 2.0 แรกเริ่มจะมีความฝืดน้อยกว่ารุ่น 1 เมื่อได้ลองนำน้ำมันหล่อลื่นมาทาตรงหน้าสัมผัส จะพบว่าความฝืดลดลงครับ (น้ำมันที่ผมใช้ เป็นน้ำมันหล่อลื่นปืนรุ่น EWL ยี่ห้อ Slip2000)

ระบบ RotoฺBlock เป็นระบบที่ป้องกันการตีกลับของใบมีด พบว่าเมื่อบิดเพื่อล็อคและทดสอบด้วยการใช้มือพยายามที่จะปิดใบมีด พบว่าแน่นหนาดีทั้ง 2 รุ่นครับ ต่างกันเพียง Hest/F 2.0 จะไม่มีสัญลักษณ์บอกว่า ให้บิดไปทางไหนเพื่อทำการล๊อคครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบรุ่น Hest/F 1.0 มากกว่า

สัญลักษณ์บริเวณ RotoBlock จะไม่มีในรุ่น 2.0

เพราะการมีสัญลักษณ์บอก จะได้รู้ว่าควรบิดไปทางไหน แต่ทางฝรั่งบางคนที่ได้รีวิวเอาไว้ บอกว่าทาง DPx ลบออกเพื่อลดการสับสน (ส่วนตัวแล้ว ทิศทางการหมุนไม่ใช่เรื่องยากครับ) ส่วนด้านท้าย มีรูสำหรับไขน๊อตแบบ Hex หรือหกเหลี่ยมได้ หรือจะเอาไว้ร้อย Lanyard ก็ได้อีกเช่นกัน

ฝั่งทางด้านของ Sub frame ในรุ่น 2 จะถูกตัดออกไปเพื่อลดน้ำหนักของตัวมีดโดยรวมลง จึงทำให้สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ในทันทีที่จับ คือตัวมีดเบาขึ้นจากเดิมเล็กน้อยครับ

ในฝั่งของประกับมืออีกด้าน ผลิตด้วย G10 สี Sage Green ซึ่งความหนาของรุ่น 1 จะอยู่ที่ 6 มม. รุ่น 2 จะอยู่ที่ 8 มม. สังเกตุว่ารุ่น 2 จะหนากว่ากันเล็กน้อย เพื่อชดเชย Sub frame ที่ได้เอาออกไปครับ

รุ่น 2 ได้ทำการปรับเปลี่ยน Design นิดหน่อย ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งปิดมีดได้เร็วยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหลายท่านคิดว่า ไม่จำเป็นต้องปิดให้เร็วขนาดนั้นก็ตามเถอะครับ แต่ก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี

คลิปเหน็บกระเป๋า ผลิตด้วย Stainless ยิงลาย HEST ข้อแตกต่างคือ คลิปของรุ่น 2 จะไม่มีช่องสำหรับคล้อง Lanyard เหมือนเดิมนะครับ ซึ่งจะทำให้ตัวคลิปแข็งแรงขึ้นมาก หรือใครที่ไม่ชอบคลิปแบบที่มีมาให้ ก็สามารถสั่งซื้อมาเปลี่ยนได้นะครับ มีหลายแบบด้วยกัน ลองเข้าไปดูในเว็บของ DPx ได้เลยครับ

ด้านท้ายของตัวมีดจะมีน๊อตปลายแหลม ทำหน้าที่เป็นตัวตอกกระจก (Glass breaker) และช่วยยึดตัวคลิปให้อยู่กับที่ด้วย ในกล่องจะมีมาให้ 2 แบบครับ แบบปลายแหลมกับปลายมน จากการใช้งานตั้งแต่ได้มา ผมบอกได้ว่า Glass breaker ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน จะดึงเข้าดึงออกเป็นร้อยๆครั้ง ก็ไม่ได้บาดหรือข่วนมือแต่อย่างใดครับ

ภาพกลไกของ RotoBlock

Mr.DP Skull Tool adjustment สุดยอดของแถม ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่จูงใจคนซื้อ Hest/f ได้ดีมากๆ เมื่อเห็นแว๊บแรก ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ การทำผิวสัมผัสแตกต่างกันครับ Hest/F 1.0 จะทำผิวแบบด้านๆ แต่ Hest/F 2.0 จะเป็นแบบ Stone wash ซึ่งก็สวยกันคนละแบบ แล้วแต่จะชอบนะครับ หลายท่านคงสงสัยว่ามันจะเอาไว้ใช้ทำอะไรนะครับ… คือว่ามันถูกออกแบบด้วยจุดประสงค์หลายประการดังนี้ครับ
1. ไขปรับความแน่น-อ่อน ของน๊อต pivot
2. ไขเปลี่ยน Glass Breaker
3. Strap Cutter สำหรับตัดกล่อง, ลังกระดาษ ฯลฯ

รูจมูกของ Mr.dp ซึ่งเป็นที่เก็บของน๊อตยึดคลิปเหน็บกระเป๋า ก่อนหน้านี้รุ่น 1 จะเป็นรูเฉยๆ แต่ตอนนี้รุ่น 2 เซาะเกลียวมาให้เลยไม่ต้องกลัวน๊อตหล่นหายแล้วครับ

ส่วน Strap Cutter หรือ BOX Cutter แล้วแต่จะเรียกนะครับ ไว้สำหรับตัดสิ่งของพวกเทปกาวบนลังกระดาษ, เอ็นตกปลา, พลาสติก ไม่สามารถตัดเชือกหนาๆ หรือเอาไปทำเป็นอาวุธป้องกันตัว ก็เล็กเกินไปครับ

สรุปว่า DPx Hest/f 2.0 ได้ปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆให้ดีขึ้น และใส่ใจกับรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดีกับผู้ใช้ น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นมีดรุ่นเดิม ในเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการออกรุ่นใหม่ไปเลยซะมากกว่า ซึ่งผมว่าน่าเสียดายการออกแบบที่เริ่มต้นมาดีแล้ว สำหรับ DPx Hest/f เวอร์ชั่น 2.0 ที่ผมให้ข้อมูลมานี้ ก็หวังว่าแฟนๆ DPx Hest จะได้ข้อมูลกันไปอย่างพอเพียงนะครับ สำหรับ Hest/F 1.0 ที่หมดไปแล้ว ต้องขออภัยที่ไม่สามารถนำมาเพิ่มเติมให้เป็นเจ้าของกันได้ แต่สำหรับ Hest/F 2.0 รุ่นล่าสุดนี้ ยังมีให้คุณเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัดครับ

สนใจสินค้าของ DPx Gear ติดต่อได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยครับ

Tags: , ,

DPX Hest Folder 2.0 วางจำหน่ายแล้ว

สิ้นสุดกับการรอคอย! DPX H.E.S.T/F 2.0 บินด่วนมาให้คุณได้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ มาพร้อมกับการปรับปรุงส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบาลง คลิปที่แข็งแรงยิ่งขึ้น แต่ยังคงใช้วัสดุคุณภาพสูงเหมือนเดิม และเตรียมพบกับ Review แบบเจาะลึกระหว่าง H.E.S.T/F 1.0 ปะทะ 2.0 แล้วคุณจะทราบว่า H.E.S.T/F 2.0 ที่ได้รับการปรับปรุงตามคำเรียกร้องของผู้ใช้งานนั้นเป็นอย่างไร สัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ที่ได้รับความเชื่อถือจาก DPX ครับ

Tags: , , ,

ทำไมต้อง 1095 High Carbon

มนุษย์เริ่มเรียนรู้การใช้เหล็ก มาทำเป็นเครื่องมือครั้งแรกราวๆ 600 ปีก่อนพุทธศักราช ในดินแดนแถบเอเชี่ยนไมเนอร์ และแพร่หลายไปสู่ยุโรปจนถึงปัจจุบัน ความก้าวหน้าของโลหะวิทยา ทำให้มนุษย์รู้จักการนำเหล็กและแร่ธาตุต่างๆมาผสมกัน เพื่อให้ตอบสนองกับจุดประสงค์นั้นๆ เช่นในแง่มุมของทางทหาร คือการพัฒนาโลหะอย่างไร ให้มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง และทนทาน ใช้งานได้ทนทุกสภาพอากาศ

ในเรื่องของการเลือกเหล็กมาผลิตมีดก็เช่นกัน ผู้ผลิตและนักออกแบบจะต้องเลือกว่า จะนำเหล็กชนิดไหนมาผลิตมีดให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของมีดรุ่นนั้นๆ เช่นมีดในเชิงต่อสู้ จะต้องออกแบบมาให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษามากนัก แต่ควรต้องมีความคมอยู่เสมอ ดังนั้นเหล็กสำหรับมีดต่อสู้ จะต้องเป็นเหล็กที่แข็ง มีการรักษาคมได้ดี ทนทานต่อสนิม อย่างเช่นเหล็ก S30V ,D2 ,154CM, 440c, F8, ATS4034 ฯลฯ

แต่เหล็กเหล่านี้ ก็ยังมีข้อเสียอยู่ที่ว่า เหล็กประเภทนี้ลับให้คมได้ยาก และมีราคาแพง ซึ่งต่างจากการเลือกเหล็กมาผลิต ในมีดประเภทใช้ในการเดินป่า หรือประเภท Survival ซึ่งมีดประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเืพื่อใช้งานหนักโดยเฉพาะ เช่น ถาก, ถาง, สับ, ตัด ฯ  ดังนั้ันเหล็กที่นำมาใช้งานกับมีดประเภทนี้ จะต้องมีคุณสมบัติที่มีความแข็งสูง รักษาคมได้ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถ ลับให้คมได้ง่ายด้วยเช่นกัน และเหล็กที่มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน ก็คือเหล็ก 1095 High Carbon เหล็กกล้าคาร์บอนสูงยอดนิยมสำหรับมีดนั่นเองครับ

เหล็ก 1095 High Carbon ขยาย 20 μm

เหล็ก 1095 High Carbon จัดเป็นเหล็กกล้า ที่นิยมมาทำเครื่องมือครับ โดยหมายเลข 1095 นั้นมีความหมายที่ว่า เลขชุดหน้า 10xx หมายถึงเป็นเหล็กกล้าคาร์บอน ถ้าเป็นเหล็กที่ผสมชนิดอื่น จะมีหมายเลขต่างออกไป ส่วน 95 หมายถึงมีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ 0.95% ซึ่งการจำแนกเหล็กแบบนี้ เป็นมาตรฐานของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าของอเมริกา เรียกว่า AISI (American Iron and Steel Institute)

เนื้อเหล็ก 1095 High Carbon มีปริมาณคาร์บอนอยู่ระหว่าง 1095 – 1050 ไล่ตั้งแต่การรักษาคมและความแข็งแรง จากมากไปหาน้อย อัตราส่วนของเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน ผสมอยู่มากที่สุด คือ 0.95% ที่เหลือจะเป็นแมงกานีส 0.4%  จึงทำให้เหล็ก 1095 เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรง รักษาคมได้ดีมาก ลับคมได้ง่าย และราคาไม่แพง เหมาะสำหรับนำมาทำดาบ ตั้งแต่เบอร์ 1060 – 1095 แต่เนื่องจากมีคาร์บอนผสมอยู่มาก จึงทำให้เกิดสนิมได้ง่ายตามมา ผู้ใช้จึงต้องยอมในเรื่องการดูแลบำรุงรักษาอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเหล็กทุกประเภทอยู่แล้วครับ

ดังนั้นบริษัทผลิตมีดจำนวนไม่น้อย ที่นิยมในการใช้เหล็ก 1095 มาผลิตมีดของตัวเอง โดยเฉพาะ ESEE ที่ผลิตมีดโดยใช้เหล็ก 1095 High Carbon เป็นหลัก (ยกเว้น ESEE Lite Machete ใช้เหล็ก 1075)

มีดของ ESEE ส่วนใหญ่ใช้เหล็ก 1095 High Carbon ในการผลิต

เนื่องจาก ESEE ผลิตมีดที่ใช้สำหรับการดำรงชีพในป่า เหล็ก 1095 จึงเหมาะสมในแง่ของการใช้งานที่หนัก อย่างเช่นการตัดต้นไม้ใหญ่ สำหรับนั่งร้านหรือแพ ทรงใบแบบ Drop Point มีความคมพอที่ใช้แล่เนื้อ หรือลอกหนังสัตว์ในการทำอาหาร และสามารถลับมีดโดยใช้หินทรายจากน้ำ้ตกได้ โดยไม่จำเป็นต้องต้องใช้หินลับมีดโดยเฉพาะ

มีดของ ESEE ส่วนมากจะเคลือบใบแบบ powder coat ซึ่งนอกจากจะกันสนิมแล้ว ยังช่วยในเรื่องความลื่นในการตัดผ่านวัตถุอีกด้วย (ควรดูแลรักษา อย่างสม่ำเสมอนะครับ)

บางครั้งการหาข้อมูลก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อมีด ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้จักเหล็ก 1095 High Carbon ได้มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ หรือสนใจจะชมและเป็นเจ้าของ มีด ESEE ที่ใช้เหล็กคุณภาพสูง ได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายมีด ESEE ในประเทศไทยครับ

Tags: , , , ,

Ontario Machete Sawback หน้าคมบาง หลังใบเลื่อย

Machete (มาเชอเต้) ชื่อนี้บางท่านอาจจะฟังดูไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่า “มีดสปาร์ตาร์” ล่ะก็ หลายๆคนต้องร้อง “อ๋อ” ครับ เพราะเราจะพบเห็นได้ในหนังสงครามหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะหนังสงครามที่เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม มักจะเห็นตัวเอกหรือตัวร้ายของเรื่อง ใช้มีดแบบนี้แทบทั้งนั้น เดิมที  Machete เป็นมีดที่มีใช้งานมานามมากแล้วครับ โดยจะพบการใช้งานในสวนเกษตรแถบลาตินอเมริกา เช่นเดียวกับที่คนไทยเราใช้มีดพร้า, มีดโต้, มีดดายหญ้า, อีดาบ ก็สุดแล้วแต่ครับ

โดยเริ่มแรกถูกใช้เป็นมีดสำหรับถางวัชพืช แลัวก็ค่อยๆถูกนำมาใช้เป็นอาวุธสำหรับต่อสู้ในภายหลัง จนกระทั่งปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในมีดหลายๆแบบ ที่นิยมสะสมกันในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบมีด และบริษัทผู้ผลิตมีดส่วนใหญ่ ก็ผลิตมีดชนิดนี้ออกสู่ตลาดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น Ontario, ESEE หรือ Cold Steel

ส่วนของฟันเลื่อย ถูกออกแบบมาตัดต้นไม้โดยเฉพาะ

ผมจะแนะนำ มีด Machete จากค่ายของ Ontario รุ่น Sawback Machete ซึ่งมีใบเลื่อยอยู่บนสันมีด ให้รู้จักกันครับ มีดรุ่นนี้ได้ถูกผลิตขึ้นและยังคงรูปแบบของ Machete ที่ใช้ในกองทัพสหรัฐ มากว่า 60 ปี  Ontario เลือกที่จะใช้เหล็ก ชนิด 1095  high carbon มาทำใบมีดและเคลือบผิวใบมีดด้วย black zinc phosphate เพื่อป้องกันสนิมกัดกร่อนเนื้อเหล็ก

ด้านหลังใบมีด ออกแบบให้เป็นฟันเลื่อย สำหรับการเลื่อยไม้ด้วยฟันของเลื่อยที่มีความคมสูงและขนาดใหญ่ ทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้งาน ในส่วนของด้ามจับ ก็ทำจากพลาสติกให้ทนแรงกระแทก ปลายด้ามมีรูสำหรับร้อยเชือกมาด้วย หากต้องการร้อยเชือกเพื่อทำเป็นห่วงสำหรับคล้องข้อมือ เพิ่มความกระชับในขณะใช้งานได้ดี

ผมกลับชอบซองมีด ที่ทำเป็นพลาสติกหุ้มยาวตลอดตัวมีด เจาะรูระบายความชื้นด้านข้าง และมีฟันหนูเล็กๆเป็นร่องตัววี อยู่ตรงเหล็กที่พับขึ้นและลงบริเวณฐานของปลอกมีด ความพิเศษของมันก็เพื่อเวลาที่คุณดึงมีดออกจากปลอกทุกครั้ง คุณก็สามารถลับมีดไปด้วยในตัวในคราวเดียว ใครที่มีแล้วลองสังเกตุดูนะครับ

เรียบๆง่ายๆใช้งานได้ผลแบบนี้ ทำให้โดยรวมแล้วมีด Machete ของ Ontario รุ่น Sawback นี้ นับว่ามีความสวยงามและลงตัว แถมยังมีความแข็งแรงและทนทาน เหมาะสัมหรับการสับ ตัด ถางและถากผิวไม้และหญ้า ได้เป็นอย่างดี ผู้ที่กำลังมองหามีดใบยาว สำหรับใช้งานดีๆซักเล่มไม่ควรพลาด และผมคิดว่าแฟนๆ Machete แทบทุกท่าน จะต้องไม่พลาดที่จะมี Ontario รุ่น Sawback ไว้ในคอลเลคชั่นอย่างแน่นอน นับว่า Sawback Machete นี้เป็นหนึ่งในบรรดา Machete ที่ดีทั้งคุณภาพและราคา แบบที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ใครที่สนใจ อย่าลืมสอบถามและเป็นเจ้าของ Ontario Sawback Machete ได้ที่ Safe House นะครับ

คุณสมบัติ

  • ความยาวรวม 23.25  นิ้ว
  • ใบมีดยาว  18 นิ้ว
  • ใบมีดหนา  0.125 นิ้ว
  • ทำจากเหล็ก  1095
  • ด้ามจับเป็น Polymer
  • น้ำหนัก 19.40 oz.
  • Made in USA
  • ซองมีดแยกขายต่างหากครับ

Tags: , ,