การทำให้น้ำดื่มสะอาดถูกสุขลักษณะ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกาย มีัความสมดุลและแข็งแรง ในน้ำทั่วไปมีสิ่งมีชีวิตที่อาจนำโรคภัยมาสู่เรา ซึ่งสิ่งมีชีวิต 3 อย่างที่มักมากับน้ำ ที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ 1.โปรโตซัว 2.แบคทีเรีย 3.ไวรัส วิธีทำให้น้ำสะอาดปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้ ทำได้หลายวิธี เราจะมาพูดถึงวิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์และทำได้ง่าย
วิธีที่เห็นได้บ่อยที่สุดของการทำให้น้ำสะอาด ได้แก่ การต้มน้ำ คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการต้มน้ำให้สามารถดื่มได้ ต้องต้มนานราวๆ 5-10 นาที ซึ่งไม่จำเป็นเสมอไป เพราะโดยทฤษฎีแล้ว น้ำจะเดือดที่อุณภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งเราทุกคนทราบดี แต่ในความเป็นจริง หากคุณเพียงต้องการกำจัดโปรโตซัวในน้ำ เมื่ออุณภูมิน้ำขึ้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียส โปรโตซัวเกือบทุกประเภทก็จะตาย หากต้องการกำจัดให้มั่นใจ โดยยังคงต้มน้ำต่อไปให้น้ำมีอุณภูมิขึ้นถึง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 นาที เมื่อคุณเริ่มเห็นน้ำเดือด คุณก็สามารถปิดไฟและรอให้น้ำเย็น น้ำก็จะสะอาดพร้อมดื่ม และปราศจากโปรโตซัวแล้ว ไม่ต้องปล่อยให้น้ำเดือด พลุ่งพล่านเป็นเวลานาน เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น
คลอรีน ก็เป็นอีกวิธีที่พบบ่อยในการทำความสะอาดน้ำ วีธีการคือในกรณีที่มีสารอินทรีย์ในน้ำ สารคลอรีนจะทำหน้าที่ เหมือนเกราะครอบสิ่งมีชีวิตนั้นไว้ ทำให้มันไม่มีฤทธิ์ต่อผู้ที่สัมผัส หรือดื่มมันเข้าไป แต่จุดอ่อนของคลอรีน คือ ไม่สามารถกำจัดสารหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในน้ำได้ เช่น เมล็ดของพืช, สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ฯลฯ คลอรีนจึงไม่นิยมใช้ในกระบวนการทำให้น้ำสะอาด สำหรับงานภาคสนาม
ไอโอดีน เราจะพบเห็นได้บ่อย และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าคลอรีน ไอโอดีนจะทำให้น้ำสะอาด แต่น่าเสียดายที่ไอโอดีนไม่สามารถฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในประเทศไทย (Cryptosporidium จะไม่ออกฤทธิ์ทันทีทันใดต่อร่างกาย แต่จะออกฤทธิ์ประมาณ 4 วัน หลังจากที่ดื่มเข้าไป ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และออกฤทธิ์อยู่นาน 10 วัน) ไอโอดีนเหมาะที่จะใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส ถ้าน้ำที่ขุ่นและมีสิ่งสกปรกปะปนอยู่ในน้ำ ต้องกรองด้วยผ้าก่อน (ในกรณีที่อยู่ในป่า สามารถใช้เสื้อผ้ากรองได้) แล้วจึงใส่ไอโอดีนในอัตราส่วน 4 หยดต่อน้ำหนึ่งลิตร และสามารถเพิ่มจำนวนได้ถึง 8 หยด ในกรณีที่น้ำขุ่นหรือค่อนข้างสกปรก และทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนที่จะดื่ม แต่ไอโอดีนมีกลิ่นฉุน ปัญหาเรื่องกลิ่นของไอโอดีนในน้ำ แก้ได้โดยคุณสามารถใส่วิตามิน C เม็ด ลงในน้ำหลังจากหยดไอโอดีนแล้ว 30 นาที เพื่อช่วยกลบรสชาติของไอโอดีนลง (ข้อควรระวัง! อย่าใส่วิตามิน C ลงในน้ำก่อน 30 นาที เพราะอาจทำให้ไอโอดีนออกฤทธิ์ไม่เต็มที่) การใช้ไอโอดีน เป็นการทำให้น้ำสะอาดปลอดภัย แต่ก็มีข้อจำกัด คือ คนที่เป็นโรคไทรอยด์ หรือคนที่แพ้สารไอโอดีน และหญิงมีครรภ์ ไม่ควรดื่มน้ำที่ใส่ไอโอดีน และที่สำคัญที่สุด คือ ไอโอดีนไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ในน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง
สารที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่นิยมนำมาใช้ในการทำให้น้ำสะอาด คือ คลอรีนไดออกไซด์ สารนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ในการประปาของเมืองต่างๆ คลอรีนไดออกไซด์ จะทำหน้าที่ 2 อย่างคือ 1.เพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ และ 2. ฆ่าเชื้อโรคสิ่งสกปรกที่มากับน้ำ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย และโปรโตซัว รวมไปถึงโปรโตซัว Cryptosporidium จึงเป็นวิธีที่นิยมที่สุด สำหรับการทำน้ำให้สะอาดพร้อมดื่มโดยเฉพาะในงานภาคสนาม
คลอรีนไดออกไซด์ ที่ใช้กันมีหลากหลายรูปแบบและขนาด ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ แต่ที่นิยมใช้ในงานภาคสนามเป็นประเภท คลอรีนไดออกไซด์ชนิดเม็ด Aquamira ของ McNett อัตราส่วนในการใช้งาน ได้แก่ 1 เม็ด ต่อน้ำ 1 ลิตร ในกรณีที่ใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส อุณภูมิของน้ำอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส เม็ด water purifier ของ Aquamira จะสามารถฆ่าแบคทีเรียและไวรัสทั้งหมดที่มากับน้ำ ภายใน 15 นาที และจะฆ่าโปรโตซัว รวมทั้งโปรโตซัว Cryptosporidium ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งเหมาะจะพกพา และเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็น ของชุดอุปกรณ์ยังชีพ เมื่อคุณต้องทำงานในที่ห่างไกล หรือไม่มั่นใจในความสะอาดของน้ำดื่ม
ส่วนในกรณีของน้ำที่มีลักษณะค่อนข้างขุ่น และอุณภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ก็ต้องใช้เวลานานขึ้นก่อนที่จะสามารถดื่มได้ ในกรณีที่เป็นน้ำสกปรกและเย็นจัด อาจต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ออกฤทธิ์เต้มที่ อุปกรณ์ที่ใช้ทำให้น้ำสะอาดพร้อมดื่ม ที่นิยมอีกประเภทหนึ่งได้แก่ ชุดกรองน้ำดื่มชนิดพกพา โดยส่วนมากวิธีการทำงาน คือ ใช้ตัวกรอง กรองสิ่งสกปรกและโปรโตซัวที่มีขนาดใหญ่ โดยการกรองร่วมกับเคมีบางชนิด ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มีขนาดเล็ก ในส่วนของอุปกรณ์กรองน้ำนี้ เราจะพูดถึงในบทความครั้งหน้า คอยติดตามอ่านนะครับ
เกร็ดความรู้ของแถมสำหรับการดื่มน้ำให้ปลอดภัย น้ำที่ใส่ไว้ในกระติก, ถุงน้ำ หรือขวดน้ำ อาจจะดูว่าสะอาดปลอดภัย และผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีแล้ว แต่อย่ามองข้ามน้ำจำนวนไม่กี่หยด ที่เกาะอยู่ภายในฝาขวดหรือฝากระติกน้ำ ซึ่งน้ำจำนวนไม่กี่หยดนี้ ก็สามารถทำให้คุณ หมดสนุกกับการเดินทาง เพราะเกิดอาการท้องเสียเฉียบผลันขึ้นได้ วิธีการแก้ไข คือ คว่ำกระติกหรือขวดลง แล้วค่อยๆเปิดฝาขวดออกทีละนิด เพื่อไล่น้ำสกปรกออก เมื่อเสร็จแล้ว ก็สามารถดื่มน้ำได้อย่างสบายใจแล้วครับ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตัวคุณเองครับ ใครสนใจ Aquamira ของ McNett และชุดกรองน้ำชนิดพกพา สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Safe House ครับ